ไทยออยล์ ชู Building On Our Strong Foundation มูฟสู่ ESG

07 ธ.ค. 2564 | 11:58 น.

ไทยออยล์ ก้าวไปสู่องค์กร 100 ปี ชูกลยุทธ์ Building On Our Strong Foundation ปูทางสร้างอนาคตบทใหม่ ต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักจากปิโตรเลียมสู่ปิโตรเคมี พร้อมเดินหน้าขยายสู่ธุรกิจที่สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนด้วย ESG

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด  (มหาชน) เปิดเผยว่า  “ที่ผ่านมา ไทยออยล์มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ที่เราวางไว้โดยอาศัยรากฐานที่มั่นคงจากธุรกิจหลัก (Building on Our Strong Foundation) ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน (3V) คือ 1) Value Maximization การต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าจากธุรกิจโรงกลั่นสู่ธุรกิจปิโตรเคมี

 

2) Value Enhancement การขยายตลาด ขยายกำลังการผลิต และขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาดต่างประเทศในระดับภูมิภาค เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น 3) Value Diversification การขยายสู่ธุรกิจอื่น รวมถึงธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า New venture หรือ New S-Curve ซึ่งจะช่วยต่อยอดกำไรให้มีเสถียรภาพ พร้อมขยายพอร์ตโฟลิโอและฐานกำไรกว้างยิ่งขึ้น

 

โดย บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทดแทน เพื่อสนับสนุนทิศทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ greenhouse gas (GHG) และเพิ่มธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น”

ปัจจุบัน ไทยออยล์ นับเป็นโรงกลั่นที่มีขนาดกำลังการผลิตที่สูงที่สุดในประเทศ และมีส่วนแบ่งการผลิตน้ำมันสูงที่สุดประมาณ 29% ของการผลิตทั้งหมดของประเทศ บริษัทฯ มีกลยุทธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่รองรับความผันผวนและการเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานของโลก ด้วยการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันจากธุรกิจหลัก(Building on Our Strong Foundation) และกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่มีความผันผวนน้อยกว่า เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความยืดหยุ่นและผลตอบแทนที่ดี โดยตั้งเป้าว่าใน 10 ปีข้างหน้า ไทยออยล์จะเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนของกำไรมาจากธุรกิจโรงกลั่น 40% ธุรกิจปิโตรเคมี 40% ธุรกิจไฟฟ้า 10% และธุรกิจใหม่อื่น ๆ ที่เป็น New S-curve อีก 10%

 


จะเห็นได้ว่า ไทยออยล์ ได้ดำเนินการขยายธุรกิจห่วงโซ่คุณค่าจากธุรกิจปิโตรเลียมไปยังธุรกิจปิโตรเคมี ทั้งสายอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ รวมถึงผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (HVP) โดยเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาด ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชีย ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ

 

 

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนเข้าถือหุ้น 15.38% ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจรชั้นนำรายใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์และขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ทางธุรกิจ

 

อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้แสวงหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจที่เป็น New S-Curve  อย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนหลากหลายรูปแบบ เช่น การลงทุนในธุรกิจ Startup ผ่าน Corporate Venture Capital (CVC) หรือการลงทุนผ่านการร่วมลงทุน (JV) และ ควบรวมกิจการ (M&A) โดยมุ่งเน้นที่ธุรกิจ Manufacturing Technology, Green and Human Technology และ Hydrocarbon Disruption Technology

 

ในอนาคต ไทยออยล์ยังคงมุ่งมั่นและตั้งใจในการขยายสู่ธุรกิจที่สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด “ESG” ที่ประกอบไปด้วย 1) E - Environment: Enhance Environment การตอบสนองต่อทิศทางของโลกในเรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกและเป็นเศรษฐกิจสีเขียว มุ่งผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และศึกษาแนวทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions)

 

2) S - Social: Engage Society มุ่งเน้นในการสร้างประโยชน์ต่อชุมชน สังคม ให้เป็นรูปธรรม ผ่านโครงการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม 3) G - Governance: Ensure Good Governance ให้ความสำคัญกับเรื่องระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนในสังคมมาโดยตลอด ทั้งหมดนี้เป็นคำมั่นสัญญาว่าไทยออยล์จะเติบโตไปพร้อมกับคนไทย และก้าวสู่องค์กร 100 ปีอย่างมั่นคง