อินเตอร์ ฟาร์มา จัดหนักท้ายปี ส่ง“โปรแบค อัลตร้า คอลลาเจน” ทุบตลาด คอลลาเจน

14 ต.ค. 2564 | 10:49 น.

อานิสงส์โควิด ดันยอด อินเตอร์ ฟาร์มา โตสวยทุก BU เร่งเครื่องปั๊มเม็ดเงินโค้งสุดท้าย ปล่อย Ultra Collagen “โปรแบค อัลตร้า คอลลาเจน” ลงชิงแชร์ตลาดคอลลาเจน

ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน)หรือ IP ผู้นำด้านนวัตกรรมโปรไบโอติกและการดูแลสุขภาพ เปิดเผยว่า จากความต้องการของผลิตภัณฑ์สินค้าในกลุ่มคอลลาเจนทุกรูปแบบที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดเมืองไทย ส่งผลให้บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการทำตลาด และเพิ่มยอดขาย ด้วยการออกสินค้าใหม่ ภายใต้แบรนด์ “โปรแบค อัลตร้า คอลลาเจน”(Probac Ultra Collagen)  เข้ามาทำตลาดเสริมทัพ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนทั่วไปที่อยากมีผิวหน้าที่ดี ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น และผู้สูงอายุดีเกินคาด แม้การแข่งขันในตลาด   คอลลาเจนจะรุนแรง มีผู้ประกอบการหลายรายกระโดดเข้ามาเล่นเป็นจำนวนมากก็ตาม

 

"covid ทำให้คนสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น รวมถึงเรื่องของการป้องกันโรคต่างๆ จึงส่งผลกระทบเชิงบวกให้กับบริษัทยาและอาหารเสริมต่างๆทั่วโลก  อินเตอร์ ฟาร์มา เองสามารถทำยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆทั้งในส่วนของวิตามินหรือ โปรไบโอติกก็ตาม

 

ในส่วนของ “โปรแบค อัลตร้า คอลลาเจน” บริษัทคาดหวังว่า จะช่วยดันยอดขาย 3 เดือนแตะ 10 ล้านบาท  เพราะตลาดคอลลาเจน เป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่และผู้คนให้ความสนใจ ดังนั้นคาดว่า“โปรแบค อัลตร้า คอลลาเจน”น่าจะเป็นตัวที่สร้างยอดขายให้บริษัทได้เยอะ เพราะเป็นสินค้านวัตกรรมที่นำโปรไบโอติกมารวมกับคอลลาเจน

 

นอกจากนี้ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะล๊อนซ์ผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะกลุ่มคนอ้วนลงพุง ความดันสูง น้ำตาลสูง ไปจนถึงคนที่ต้องการเรื่องผิวพรรณตั้งแต่เด็กจนถึงมีอายุทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในขณะที่ปัจุบัน บริษัทมีธุรกิจใน 5กลุ่ม ได้แก่ 1 นวัตกรรมเวชภัณฑ์ เป็นกลุ่มยาเน้นไปที่การรักษา ซึ่งเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 15%

 

กลุ่มที่ 2 wellness and anti-aging  Nutraceutical  บริษัทพยายามที่จะนำเสนอNutraceuticalหรือโภชนเภสัชที่จะช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคและชะลอวัย ซึ่งเติบโตค่อนข้างมากปีละ 30%- 50%

 

กลุ่มที่ 3 เป็นเรื่องของนวัตกรรมความงาม เน้นเรื่องของเวชสำอาง โปรไบโอติก ซึ่งเทรนด์ปัจุบันมีการนำโปรไบโอติกเข้าไปผสมในเครื่องสำอางกลายเป็นเวชสำอาง เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 15%  กลุ่มที่ 4 กลุ่มสัตว์เลี้ยง และกลุ่มที่ 5 กรมปศุสัตว์ เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 15% เช่นกัน

 

“ ธุรกิจของเราจะให้น้ำหนัก ยาและโภชนเภสัช เรามองว่าสินค้าของเราไม่ได้อยู่ในระดับอาหารเสริมแต่เป็นกึ่งอาหารเสริม กลุ่มยาเราน่าจะเป็นบริษัทเดียวที่สามารถขายในโรงพยาบาลและคลินิกได้ อาหารเสริมทั่วไปจะเข้าคลินิกหรือโรงพยาบาลยากเพราะว่าไม่มีผลวิจัยรองรับ  ส่วนช่องทางการขายของหลักๆยังเป็นโรงพยาบาล 50% และ consumer ร้านขายยา ออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต วิลล่ามาร์เก็ต ฯลฯ  50 % 

 

เราพยายามที่จะ balance ช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อกระจายความเสี่ยง  ส่วนรูปแบบการทำธุรกิจหลังจากนี้ไป  กลุ่มยาจะเน้นการทำตลาดในโรงพยาบาลและคลินิก  ในอนาคตเราจะทำในสินค้าที่ transfer สิ่งที่ advance มากๆ แต่ในระยะสั้นตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าคนต้องการสินค้าป้องกันโรค ชะลอวัย เพราะฉะนั้นโภชนเภสัชหรือโภชนบำบัดจะเป็นเรื่องที่เราจะเน้น”

 

นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ บริษัทยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CBD ออกจำหน่ายในช่วงมีนาคม 2565 ทั้งในรูปแบบของยาสมุนไพร อาหารเสริมและเวชสำอางค์ ในขณะที่ ตลาดต่างประเทศ ในระยะแรกมองไปที่ ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ซึ่งอาจต้องรอให้โควิดบางเบาก่อนจะเริ่มเข้าไปทำตลาดจริงจัง และนอกจากนี้ยังอยู่ในขั้นตอน การขึ้นทะเบียนที่จีน และเวียดนาม ซึ่งสะดุดและล่าช้าไปเพราะโควิด ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าภัณฑ์ของบริษัทสามารถที่จะออกส่งออกไปขายได้ทั่วโลก