“เมฆ-เกรียงไกร” เจ้าพ่ออีเว้นท์ แชร์ประสบการณ์ “ความเร็วคือจุดขาย”

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เจ้าพ่ออีเว้นท์ที่มีผลงานมากมาย แม้วิกฤติโควิด-19 จะทำให้งานอีเว้นท์ต่างๆ ต้องชะงักไป แต่อินเด็กซ์ฯ ก็ยังเดินหน้าสู่ไฮบริดอีเว้นท์ รวมทั้งการแตกไลน์ธุรกิจสร้างแฟรนไชส์ “KILL&KLEAN” ให้บริการพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อแบบพรีเมี่ยม 

“เมฆ-เกรียงไกร”  ถ่ายทอดประสบการณ์ในโลกการทำงาน บอกเล่าเรื่องราวของ “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ” ได้อย่างน่าสนใจ ผ่านเฟซบุ๊ก Kreingkrai Kanjanapokin โดยมีใจความว่า

ความเร็วคือจุดขายของผม

หลังจากตั้งบริษัทแรกมาได้ 2 ปีกับ 3 partner เราก็ต้องแยกวง ทั้งๆที่ธุรกิจกำลังไปด้วยดี แต่ด้วยเหตุผลคือจุดมุ่งหมายแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราตกลงกันที่ Scene progress จะปิดและห้ามไม่ให้ใช้ชื่อนี้ partner เก่าใช้ที่ตั้งเดิม เบอร์โทรศัพท์เดิม ผมออกมาหา office ใหม่ เท่ากับผมเริ่มนับ 1 ใหม่ 2 ปีกว่าที่เหนื่อยสร้าง Brand ทำการตลาดจนพอเป็นที่รู้จัก

เท่ากับ O เสียเปรียบสุดๆ เราแยกกันปลายปี ผมต้องหา Office ใหม่ให้เร็วที่สุด หาคู่สายโทรศัพท์บ้านให้เร็วที่สุดซึ่งปัญหาในยุคนั้นคือโทรศัพท์บ้านมีคู่สายจำกัดมาก ซื้อขายกันเบอร์ละเป็นแสน ผมใช้เงินน่าจะ 6-7 แสนเพียงซื้อคู่สาย 4 เบอร์เพื่อ make sure ว่าเรามีเบอร์มากพอที่จะทำให้ลูกค้าโทรหาเราได้

ระหว่างหา  Office หาเบอร์โทรศัพท์ ต้องหาชื่อบริษัทเพื่อไปจดทะเบียน อันนี้น่าจะยากสุด น้องชายเพิ่งกลับจากอเมริกามา มีหนังสือ promotion agency มา 2 เล่ม ซึ่งผมมองว่าธุรกิจที่เราทำมันคือ promotion agency ยุคนั้นคำว่า Event ยังไม่มีในโลกธุรกิจ

เราเปิดดูชื่อเลย กะว่าเลือกมาสักชื่อมีตั้งหลายร้อยชื่อมันต้องโดนสักชื่อ ดูเท่าไหร่มันก็เป็นชื่อคนทั้งนั้น เราเอาชื่อฝรั่งแต่ไม่มีฝรั่งสักคน ไม่คงไม่ใช่ พลิกกลับไปหน้าแรก  มันเขียนว่า Index จบ คำนี้จบ คิดง่ายๆเวลาไปหาลูกค้า แล้วที่ reception หรือ ยาม ถามว่าจากไหนค่ะ จาก index ยามน่าจะเรียกได้

รีบไปจดทะเบียนทันทีตอนนั้นมี index transportation จดชื่อนี้ไปแล้ว เราเลยใช้ index promotion agency ตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือรีบไปจดทะเบียนเปิดบริษัทให้ทัน ย้อนกลับไปคงไม่ใช้ชื่อนี้ เพราะจนถึงทุกวันนี้ผมยังเป็นเจ้าของบริษัท furniture ทุกครั้งที่คนแนะนำ จะมีคำต่อมาว่า ผมเป็นลูกค้าประจำหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์จะได้ส่วนลดมั้ย  

เข้า Office วันแรกคือหลังจากเปิดปีใหม่ มีโทรศัพท์ 1-2 เครื่อง เก้าอี้ โต๊ะ ไม่มีเพราะใช้เวลา 1 เดือนในการสั่งยี่ห้อ Acmen ต้องนั่งกับพื้นทำงาน บริษัทเป็น Town house 4 ชั้น คุณสัมฤทธิ์ marketing manager ไทยน้ำทิพย์ ส่งนาฬิกาแขวนผนังของ Coke มาให้สีแดง เทา ขาว ดำ  ซึ่งเป็นลูกค้าตั้งแต่บริษัทเก่า จนวันนี้สี index creative village plc ก็ใช้ ดำ แดง เทา ขาว มาเป็น Coporate Ci

หลังจากเปิดบริษัทเงินทุนใช้ไปกับค่าโทรศัพท์น่าจะเกินกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน ออกตระเวนไปแจ้งลูกค้าว่าผมออกมามีบริษัทใหม่นะ แล้วแต่ลูกค้าจะเลือกเราหรือเลือก partner เก่าซึ่งเป็นคนที่ Contact ลูกค้าเป็นหลัก ผมเป็น Creative and production

วันหนึ่งเวลาสัก ทุ่มกว่าๆ โทรศัพท์ดังขึ้นผมรับโทรศัพท์เอง ดัดเสียงนิดหน่อยเผื่อลูกค้าโทรมาจะหาว่าเจ้าของรับโทรศัพท์เองมันจะดูว่าบริษัทเรากิ๊กก๊อกมาก ไม่มี operator ลูกค้าที่โทรมาคือคุณประสบสุข product manager Nescafé  ซึ่งผมรับสาย “ index promotion agency ครับ” ทำเสียงอย่างหล่อ

คุณประสบสุข สวนมาทันทีว่า เมฆเหรอ  กรูอุตสาห์ดัดเสียงแล้วดันจำเราได้อีก แกบอกในประโยคต่อมาคือ พรุ่งนี้ 3 ทุ่ม Shooting video. ผมถามต่อไปว่าถ่ายอะไร แกบอกว่าถ่ายแสงระวี shake lady คนใหม่ ผมถามต่อว่าจะถ่ายอะไรยังไง แกบอกว่าเมฆคิดมา พรุ่งนี้ 9 โมงเช้าเจอกันที่ nestle

ถ่ายอะไรก็ไม่รู้ production  ต้องเตรียมอะไรก็ไม่รู้ อย่างแรกจอง studio ก่อน และบอก studio ว่า paint สี cyclorama เป็นสีขาวไว้ก่อน เพราะสีขาว ฟ้า คือสีของ Nescafé shake ยังไงก็ไม่ผิด 3 ทุ่มถ่าย และ วันรุ่งขึ้นจองห้องตัดไว้เลย 

คืนนั้นคิดอะไรไว้ในหัวนิดหน่อย 9.00 น เจอลูกค้าคุยกันแบบ brain storm สรุปออกมาคือ ถ่ายแสงระวีสอนชง Nescafé shake แบบทำให้ดูสนุก ต้องมี dance มี dancer  กลับมารีบ pre production เพื่อ 3 ทุ่ม ถ่ายเสร็จน่าจะตี 1 9 โมงเช้าตัดต่อลงเสียง ตอนเย็นเอาไปให้ลูกค้า Aporove ปรับแก้นิดหน่อย ผลิตออกเป็น Video ตามกองสินค้าทั่วประเทศ

ต่อจากนั้นคือบรีฟต่อไปคือ พา shake lady tour ทั่วประเทศ ไม่ต้องวางแผนตลอด 3-4 เดือนที่ทัวร์เพราะ Campaign นี้ไม่ได้อยู่ในแผนของเค้าเลย เพราะแผนจริงๆจะเป็น นูโว on tour ไม่ได้ใช้แสงระวี แต่เนื่องจากนูโว ไปเป็น presenter ให้ sprite อีกตัวในเวลาเดียวกัน

ทาง Nestle เลยเปลี่ยน Campaign ใหม่แบบฟ้าผ่า ใช้แสงระวี เป็นตัวชูโรงแทน และ ออก tour ทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนผมตะลอนไปกับเธอทุกจังหวัดและมันกลายเป็นตำนานวงการการตลาดไปเลย เพราะแสงระวี ดันยอดขาย Nescafé แบบถล่มทลาย กลายเป็น talks of the town และกลายเป็น Campaign ที่ Nescafé ทุกประเทศนำไปไปใช้ และที่สำคัญ 2 อย่างคือ

promotion activity สู่ Brand communication มันคือครั้งแรกที่เป็นการใช้กิจกรรมทางการซึ่งเดิมทีแค่ชงชิม ลด แลก แจก แถม หรือ เอาดาราไปปรากฎตัว แต่นี่คือครั้งแรกเอา presenter ไปสื่อสารแบรนด์ เป็น Brand experience และเป็น event marketing ในเวลาต่อมา

Index แจ้งเกิดทันที และผมรู้เลยว่าผมคงเป็นคนสุดท้ายที่คุณประสบสุขโทรหา  Agency โฆษณา production house ที่ไหนคงรับไม่ทำ และที่ผมรับทำไม่ใช่เพราะแค่อยากได้งาน แต่ผมรู้ว่าเราทำได้แน่นอนเพราะเราคิดเองได้ ทำเอง ตลอด process ได้ งานเนรมิตแบบนี้มันท้าทาย สนุกดีด้วย