ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 สิงหาคม ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ภัยแล้งพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่การเกษตรที่เกิดจากการขาดแคลนน้ำ โดยมีนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และตัวแทนหน่วยงานสังกัดในพื้นที่ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวภายหลังการประชุมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร พบถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรจากฝนทิ้งช่วงและฝนแล้งเป็นเวลานาน จึงมีแผนการปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2563 เพื่อบรรเทาปัญหาฝนทิ้งช่วงและพื้นที่เกษตรที่มีน้ำไม่เพียงพอ โดยได้เร่งทำฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เกษตรและเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย ปฏิบัติการฝนหลวงนั้นจะครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหา ทั้งพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ลุ่มรับน้ำที่มีปริมาณน้ำต่ำกว่าเกณฑ์และส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำอุปโภคบริโภคของประชาชนด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ในส่วนของการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนล่าง) มีวันขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง รวม 142 วัน ขึ้นปฏิบัติการรวม 805 เที่ยวบิน มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง จานวน 43.38 ล้านไร่ และเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนกักเก็บน้ำ จำนวน 52 เขื่อน
ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเติมว่า ผลการปฏิบัติการฝนหลวงระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ - 14 สิงหาคม 2563 นั้น มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการ รวม 12 หน่วย รวมวันขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงทั้งสิ้น 177 วัน ขึ้นปฏิบัติการรวม 4,582 เที่ยวบิน มีวันฝนตกจากการปฏิบัติการ รวม 175 วัน คิดเป็นร้อยละ 98.87 จังหวัด ที่มีรายงานฝนตก รวม 67 จังหวัด ทำให้มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง 193.75 ล้านไร่ มีฝนตกในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ รวม 204 แห่ง แบ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ 34 แห่ง และเขื่อนขนาดกลาง 170 แห่ง สามารถเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ รวม 1,313.706 ล้านลูกบาศก์เมตร