นายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนทั่วประเทศ ตั้งแต่อนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนเด็ก 7.45 ล้านคน โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ประโยชน์โดยตรงจะตกอยู่กับเด็กนักเรียน ส่วนผลประโยชน์ทางอ้อมจะตกอยู่กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ที่ได้รับสัดส่วนแบ่งเป็น ค่าน้ำนมดิบประมาณ 7-8 พันล้านบาท นอกจากนั้นจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านการผลิต ค่าขนส่ง และยังสร้างงานให้อุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น บริษัทรับจ้างขนส่งผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น
"โครงการดังกล่าวใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจากภาษีของประชาชนจำนวนมาก และการดำเนินการมีผลกระทบต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักเรียน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ การดำเนินการของคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือ มิลค์บอร์ด จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งทางสมาคมตั้งข้อสงสัยการจัดสรรโควตานมโรงเรียนส่อเอื้อประโยชน์ให้รายใดรายหนึ่งหรือไม่ เพราะมีผู้ประกอบการบางรายที่มีประวัติฝ่าฝืนประกาศของมิลค์บอร์ด ทำให้ต้องโดนปรับลดสิทธิ์ลงมา แต่กลับพิจารณาให้สิทธิ์เท่าเดิมหรือเพิ่มมากขึ้น เป็นการบ่งชี้ไม่โปร่งใส่ อาจจะมีผลกระทบไปถึงเด็กนักเรียนที่อาจได้บริโภคนมที่ไม่มีคุณภาพตามไปด้วย"
กังขา 'นม' ตกมาตรฐานกลับได้เพิ่ม
อาทิ สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปภัมภ์) โดนปรับลดสิทธิ์ 25% ในภาคเรียนที่ 1/2561 แต่ในภาคเรียนที่ 2/2561 ได้รับจัดสรรสิทธิการจัดสรรนมมากถึง 77.5 ตัน/วัน จากเดิมในภาคเรียนที่ 1/2561 ได้รับการจัดสรรสิทธิเพียง 68.631 ตัน/วัน เช่นเดียวกับ สหกรณ์โคนมไทยมิลค์ จำกัด ได้รับสิทธิการจัดสรรนมมากถึง 73.051 ตัน/วัน จากเดิมเพียง 59.541 ตัน/วัน กรณีดังกล่าวนี้ คณะอนุกรรมการฯ ใช้หลักเกณฑ์ใดมาเพิ่มปริมาณการจำหน่ายให้มากขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะถ้าผลิตไม่ได้คุณภาพ ปัญหาเด็กจะท้องเสียหรือไม่ โครงการดังกล่าวแทนที่จะเป็นประโยชน์จะกลายเป็นโทษ เพราะรัฐบาลเป็นผู้กระทำ!!
รายใหม่ได้โควตาแซงรายเก่า
ส่วนในกรณีการจัดสรรสิทธิให้กับรายใหม่ให้สิทธิเต็มตามจำนวน ทั้งที่ไม่มีประวัติเลย อาทิ หจก.ทุ่งสงแดรี่พลัส 915 ได้รับการจัดสรรสิทธิจำหน่ายนมโรงเรียนได้ทันที 3 ตัน/วัน บริษัทส่งเสริมผลิตภัณฑ์นม จำกัด ได้รับการจัดสรรสิทธิจำหน่ายนมโรงเรียนได้ทันทีถึง 10 ตันต่อวัน วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น จำนวน 6.628 ตันต่อวัน และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลพบุรี จำนวน 4.281 ตันต่อวัน ในกลุ่มนี้หากจะอ้างว่าเพราะผู้ประกอบการดังกล่าวได้ยื่นความประสงค์ขอจำหน่ายนมโรงเรียน ทำไมถึงให้สิทธิตามจำนวนที่ยื่น แต่เหตุใดมีผู้ประกอบการอีกจำนวนมากที่ได้ยื่นความประสงค์ในการจัดสรรสิทธิในปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้รับการจัดสรรสิทธิให้เพิ่มขึ้นเท่าจำนวนที่ยื่นขอสองมาตรฐานหรือไม่
อาทิ สหกรณ์โคนมนครปฐม จำกัด, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, บจก.กาฬสินธุ์แดรีฟู๊ดส์, วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครสวรรค์, บจก.พิษณุโลกโกลด์มิลค์, บจก.ภูมอมิลค์, บจก.วารินมิลค์, บจก.อีสานใต้แดรี่, บจก.ทุ่งกุลาแดรี่ฟู๊ดส์, บจก.ธวัชฟาร์มระยอง และ บจก.เซาท์เทิร์นแดรี จำกัด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขอให้ทางมิลค์บอร์ดแจ้งให้สมาคม 15 วัน ทราบผลด้วย
ส่ง สตง. สอบเส้นทางจ่ายเงิน
ด้าน นายนพดล เจริญกิตติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน กล่าวว่า ต้องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาดูการจ่ายเงินของหน่วยซื้อ แต่ชัดเจนเรื่องการจัดสรรสิทธิแลกเปลี่ยนกับการให้สิทธิส่งนมโรงเรียนให้กับผู้มีอิทธิพลบงการการจัดสรรสิทธิ์ เพราะปริมาณสิทธิที่เพิ่มให้ โดยไม่ทำตามกฎเกณฑ์ส่วนใหญ่เข้าทางโรงงานที่จ่ายค่าจัดส่งให้กับผู้มีอำนาจสั่งการการจัดสรรสิทธิ ซึ่งให้นอมินีส่งต่ออีกที เป็นค่าจ้างทุก ๆ 1 ตัน ที่เพิ่มผู้มีอำนาจจะได้ประมาณ 5-200 บาท เป็นค่ารับจ้างส่งนม แล้วนอมินีคนที่ขับรถไปส่งจริง จะได้ประมาณ 1,200-1,500 บาท
ส่วนกรณีอนุญาตให้ใช้บรรจุภัณฑ์ฟูออไรด์มาติดสติ๊กเกอร์ใช้บรรจุนมรสจืดธรรมดา พอรับได้ แต่กลัวโรงงานเอานมฟลูออไรด์ที่ผลิตไว้ก่อนการสั่งหยุดผลิต เอามาย้อมแมวโดยติดสติกเกอร์ แล้วแกล้งส่งเป็นนมปกติ เหมือนเป็นการล้างสต๊อกให้กับโรงงานที่ผลิตไว้รอก่อนสั่งห้าม จะตรวจสอบได้ไหม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะต้องตรวจเข้ม งานนี้จะเข้าทางเด็กส่งนม รวมทั้งผู้ซื้อที่ประสงค์จะซื้อนมกล่องอย่างเดียว