4. Story Telling Vs Story Doing—หลายๆ แบรนด์มักจะบอกกับผู้บริโภคว่ามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับแบรนด์ตัวเองอย่างไร และตั้งใจจะทำอะไรเพื่อผู้บริโภคบ้างโดยถ่ายทอดผ่าน Tag Line หรือถ้อยคำโฆษณาที่มีความสวยหรูและดูดี แต่ไม่นำไปสู่การปฏิบัติหรือสร้างประสบการณ์ร่วม (Brand Experience)ให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง แบรนด์ในยุด 2018 จึงต้องทำในสิ่งที่พูด หรือต้องทำมากกว่าพูดจึงจะเป็นแบรนด์ที่สามารถครอบใจผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
6. Digital Media Vs Traditional Media: ในยุคที่ดิจทัลทรงพลังมาก ทำให้เจ้าของแบรนด์สินค้าหลายๆ แบรนด์ทุ่มเทและโฟกัสไปที่ดิจิทัลหรือโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว อาจละเลยสื่อดั้งเดิมที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารการตลาดได้เป็นอย่างดี อาทิ Personal Selling หรือการขายผ่านบุคคลที่ยังสามารถใช้ได้ดีกับสินค้าที่ต้องการการอธิบายขยายความได้สูง หรือการโฆษณาผ่านหีบห่อที่สามารถบอกกล่าวเรื่องราวของสินค้าได้บนบรรจุภัณฑ์ได้ดีและเป็นการผสมผสานระหว่างสื่อดั้งเดิมกับสื่อดิจิทัลได้ด้วย หมายความว่าหากหีบห่อสามารถมี QR Code บนบรรจุภัณฑ์ก็สามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลสินค้าบนเว็บไซต์หรือหน้าเพจได้เช่นกัน เจ้าของแบรนด์จึงควรใช้ประโยชน์จากสื่อทั้งสองประเภทให้ผสานกันอย่างลงตัวมากกว่าจะใช้เพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ถึงแม้น้ำหนักในการใช้เงินจะค่อนไปทางสื่อที่เป็นดิจิทัลหรือออนไลน์ก็ตาม
7. การหลอมรวมกันของเทคโนโลยี (convergence)—มุมมองของ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. มองว่าเทคโนโลยี mobile, Internet, IoT, AI, Big data และ social network เทคโนโลยีเหล่านี้ ได้เกิดการหลอมรวม (convergence) กันอย่างแนบแน่น เพราะเกิดการเชื่อมโยงกันด้วยเทคโนโลยี mobile broadband (4G/5G) ที่มีความเร็วสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ แบบ real time จนส่งผลบริษัทมีความยุ่งยากซับซ้อนในการควบคุมภาพของแบรนด์ได้ และจะยิ่งยุ่งยากซับซ้อนอย่างยิ่งต่อๆ ไปในอนาคต จากมุมมองดังกล่าวเจ้าของ แบรนด์จึงควรตระหนักถึงความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีในการสร้างแบรนด์เพื่อให้เกิดความโดดเด่นและสร้างการจดจำ ทั้งนี้ยังมีเรื่องของ AR หรือ Augmented Reality ที่สามารถนำโลกเสมือนจริงให้มาอยู่ในโลกของความเป็นจริงได้ จึงน่าจะเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ช่วยในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งได้ในปี 2018 และในอนาคต
เมื่อเจ้าของแบรนด์ทราบถึงเทรนด์ที่จะเข้ามาช่วยในการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นขึ้นในปี 2018 แล้ว ก็หวังว่า แบรนด์สินค้าหรือบริการของแต่ละกิจการจะสามารถสร้างความโดดเด่น ครองใจผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และเติบโตได้อย่างยั่งยืน เกิดความรักและภักดีในตราสินค้า เปลี่ยน Trade Mark เป็น Love Mark ได้อย่างที่ตั้งใจ