ขับเคลื่อนท่องเที่ยวปีวอก สู่ ควอลิตี เดสติเนชัน ปั๊มรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท

01 ม.ค. 2559 | 05:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ปิดฉากท่องเที่ยวปี 2558 กับการเติบโตของการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ สะท้อนได้ถึงความแข็งแกร่ง แม้จะมีปัจจัยลบด้านการท่องเที่ยวในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นระเบิดย่านราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 แต่ก็ฟื้นตัวในเวลาไม่นาน ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะรัสเซีย ความผันผวนของค่าเงิน ภัยก่อการร้ายในเมืองปารีส ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบเพียงช่วงสั้น และไม่ได้ฉุดการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในภาพรวมของไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังมีโมเมนตัมเติบโตต่อเนื่องในปี 2559 และยังเป็นความหวังในการขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศในปีหน้าด้วยเช่นกัน

[caption id="attachment_24181" align="aligncenter" width="600"] จำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ[/caption]

ปิดปี 58 ทัวริสต์เฉียด 30 ล.คน

จากสถิติการเติบโตของการท่องเที่ยวในปีนี้ ตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2558 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทยแล้ว 29.47 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.74% สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1.41 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.66% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ดังนั้นในอีก 4 วันที่เหลือของปี 2558 กรมการท่องเที่ยว จึงประเมินว่าปีนี้ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 29.8-29.8 ล้านคน สร้างรายได้ 1.42-1.43 ล้านล้านบาท หากรวมกับรายได้จากการเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทย ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 7.9 แสนล้านบาท

ทำให้ในปี 2558 ไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.2 ล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีการเติบโตมากสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในแง่ของรายได้ และจำนวนนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มกว่าประมาณการคาดไว้เมื่อต้นปี 2558 ที่มองไว้ที่ 28.8 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเที่ยวไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ จีน ที่ปีนี้ประเมินว่าจะเกิน 8 ล้านคน รองลงมาเป็นมาเลเซีย และญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย และสหราชอาณาจักร และนักท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูง 3 อันดับแรก คือ อิสราเอล สวีเดน และแคนาดา

 ปี 59 ไม่เน้นปริมาณมุ่งรายได้

ส่วนเป้าหมายการท่องเที่ยวในปี2559 นั้น รัฐบาลตั้งเป้าสร้างรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท และรายได้ในประเทศ 8 แสนล้านบาท ซึ่งเน้นการตั้งเป้าหมายไปที่การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ที่ในปี2559ไม่ได้นำเรื่องของการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาเป็นเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ "กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้ประเมินศักยภาพในการรองรับด้านการท่องเที่ยวของไทยในขณะนี้แล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เหมาะสมอยู่ในระดับ 28-30 ล้านคนต่อปี หากมากกว่านี้อาจไม่เป็นผลดีต่อทรัพยากรทางการท่องเที่ยวนั่นเอง

ต่อเรื่องนี้นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในปี 2559 กระทรวงการท่องเที่ยวฯวางนโยบายไว้ชัดเจนว่าจะไม่เน้นจำนวนนักท่องเที่ยว แต่จะให้ความสำคัญการขยายฐานรายได้ เพื่อให้ตอบโจทย์เป้าหมายรายได้การท่องเที่ยวของรัฐบาลที่วางไว้ 2.3 ล้านล้านบาทในปี 2559 และเพิ่มเป็น 2.5 ล้านล้านบาทในปี 2560

ดังนั้นสิ่งที่จะเห็นในปี 2559 คือการปฏิรูปด้านการตลาด เน้นปฏิบัติการ 3 R คือ 1. Repositioning ปรับตำแหน่งทางการตลาดของประเทศไทย จากภาพลักษณ์จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแบบคุ้มค่า (แวลู ฟอร์ มันนี่) มุ่งสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ (ควอลิตี เลเชอร์ เดสติเนชัน) ผ่านการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 2. Restructure ปรับโครงสร้างตลาด มุ่งเจาะตลาดนักท่องเที่ยวระดับกลาง-บน ซึ่งจะมีการปรับโครงสร้างรายได้ ขยายตลาดการท่องเที่ยว 10 อันดับแรก เน้นหนักไปยังตลาดบน และกลาง อาทิ ตะวันออกกลาง บราซิล ลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก เพื่อสร้างสมดุลในตลาด และเจาะกลุ่มตลาดใหม่ๆ ลดความเสี่ยงหากตลาดหลักอย่างจีนมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจ

และ3. Rebalance ปรับสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มุ่งกระจายประโยชน์ในมิติเศรษฐกิจ โดยใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสร้างสมดุล ด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

[caption id="attachment_24184" align="aligncenter" width="600"] เป้าหมายรายได้จากการท่องเทียว เป้าหมายรายได้จากการท่องเทียว[/caption]

เออีซีหนุนท่องเที่ยวอาเซียนโต

อีกทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ยังส่งผลดีต่อการขยายตลาดการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้เติบโตขึ้นในปี 2559 จากปัจจัยบวกจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวอาเซียน ที่มีประชากรรวมกัน 600 ล้านคนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มากขึ้น รวมถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจใน 3 ประเทศอาเซียน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย มีประชากรรวมกันสูงถึง 400 ล้านคน ซึ่งไทยถือเป็นเดสติเนชันที่คนอาเซียนชอบมาเที่ยวและช็อปปิ้ง

นอกจากนี้ยังจะเห็นความร่วมมือกันของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้ยุทธศาสตร์ "อาเซียน คอนเน็กต์" (ASEAN Connect) พัฒนาท่องเที่ยวเชื่อมโยง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับทวิภาคี ส่งเสริมให้ไทยกับประเทศคู่ค้าเที่ยวกันเอง, ระดับอาเซียนฟอร์อาเซียน (ASEAN for ASEAN) ดึงนักท่องเที่ยวชาติอาเซียนมาเที่ยว และระดับอาเซียนฟอร์ออล (ASEAN for All) เพื่อโปรโมตนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก อาทิร่วมกับกัมพูชา ผ่านแคมเปญ "ทู คิงดอมส์ วัน เดสติเนชัน" โปรโมตตลาดท่องเที่ยวร่วมกันที่กำหนดไว้ 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง-ตราด-เกาะกง-สีหนุวิลล์-กัมปอต-พนมเปญ-กรุงเทพฯ และเส้นทางกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-ปอยเปต-พระตะบอง-เสียมราฐ-พนมเปญ-กรุงเทพฯ เป็นต้น

สำหรับโจทย์ใหญ่ปี 2559 บทหนักที่สุด คือ การเพิ่มรายได้จากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ โดยวางเป้าหมายดันรายได้เติบโตราว 12% หรือราว 5.74 แสนล้านบาทโดยหากแยกเป็นรายตลาด จะพบว่าจีนเป็นถือเป็นพระเอกในการสร้างรายได้ครั้งนี้ เพราะต้องเพิ่มรายได้สูงถึง 14.1% หรือราว 4.01 แสนล้านบาท ขณะที่ฮ่องกง ต้องเพิ่ม 7.3% ญี่ปุ่น 7.6% เกาหลี 7.8% ไต้หวัน 9.8% และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันอีก 3.3% เนื่องจากแนวโน้มของตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคดังกล่าวยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป วางเป้าหมายการเติบโตด้านรายได้ของตลาดยุโรปในปีหน้าไว้ราว 4% หรือราว 4.2 แสนล้านบาท โดยเพิ่มวันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวที่ปัจจุบันอยู่ราว 9 - 10 วัน ให้ยาวนานมากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,118
วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - 2 มกราคม พ.ศ. 2559