ธนาคารโลกเลื่อนอันดับไทยประเทศน่าทำธุรกิจขึ้นจากอันดับ 46 ปีก่อน มาอยู่ที่ 26 ของโลก ขยับอันดับขึ้นถึง 20 อันดับ และเป็นอันดับ 3 จากอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย หลังจากรัฐบาลใช้ ม. 44 ปลดล๊อค ข้อจำกัดด้านกฎหมายให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจง่ายขึ้น
ปีนี้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับจากธนาคารโลกให้เป็นประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในรอบ 14 ปี เนื่องจากเป็นการขยับอันดับขึ้นถึง 20 อันดับ และเป็นอันดับ 3 จากอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการลงทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) และรับทราบผลการจัดอันดับของไทยที่ดีขึ้น พร้อมระบุว่าเป็นผลมาจากการที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ และใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมาและเป็นผลจากากรทำงานร่วมกับธนาคารโลกอย่างใกล้ชิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต่อไปจะส่งผลดีต่อการเข้ามาลงทุนในประทศไทยมากขึ้น
พร้อมทั้งมอบหมายให้สภาพัฒน์ไปเร่งดำเนินการด้านต่างๆเพื่อให้การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยขยับดีขึ้นในปีหน้า
ด้านนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร.กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้น เนื่องจากสามารถลดระยะเวลาในการจัดตั้งธุรกิจ ลดกระบวนการขอใช้ไฟฟ้า การชำระภาษีและการได้รับสินเชื่อสะดวกรวดเร็วขึ้น รวมถึงมีการออกกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใหม่ เพิ่มสิทธิผู้ลงทุนรายย่อยทำให้ฟ้องร้องง่ายขึ้น การใช้ระบบยื่นฟ้อง จ่ายค่าธรรมเนียมศาลได้ทางอิเล็กทรอนิกส์และสามารถแก้ไขปัญหาการล้มละลายได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มีคะแนนดีขึ้นส่วนการขออนุญาตก่อสร้างและการค้าระหว่างประเทศที่อันดับลดลง เพราะธนาคารโลกเข้ามาจัดอันดับช่วงก่อนที่การดำเนินการจะแล้วเสร็จ