TCMC มั่นใจปีหน้าโตก้าวกระโดดหลังซื้อกิจการดีเอ็มมิดแลนด์

25 ต.ค. 2559 | 10:44 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

นายพิมล ศรีวิกรมม์ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท  อุตสาหกรรมพรหมไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้อนุมัติทำรายการเข้าซื้อกิจการบริษัท ดีเอ็ม  มิดแลนด์  ลิมิเต็ด (DM Midlands Limited) หรือดีเอ็มเอ็ม (DMM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ในสหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ  ซึ่งหากรวมกับการที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท อัลสตันส์ ก็จะส่งผลให้บริษัทเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมดังกล่าวที่ประเทศอังกฤษ โดยคาดว่าจากกลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จะทำให้รายได้ปี 59-60 โตต่อเนื่องประมาณ 100% ต่อปี จากปี 2558 ที่มีรายได้ 2.39 พันล้านบาท

ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการของ DMM นั้น บริษัทใช้งบลงทุนประมาณ 1.6 พันล้านบาท โดยใช้วิธีการกู้เงินของธนาคารกรุงเทพสาขาลอนดอน ในรูปแบบของเงินปอนด์ประมาณ 20 ล้านปอนด์ และอีก 6.25 ล้านปอนด์ มาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ ที่ได้จากผู้ถือหุ้นมีการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์)  ซึ่งภายหลังการซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทเพิ่มมาอยู่ที่ 1.5 เท่า จาก 6 เดือนที่ผ่านมาของปี 59 อยู่ที่ 1.24 เท่า อย่างไรก็ดี  คาดว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 59  โดยจะมีผลทำให้ TCMC กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใน DMM สัดส่วน 75% อีก 25% เป็นผู้ถือหุ้นรายเดิม

“ดีลนี้ในกระบวนการล่าช้ากว่าที่คาด กว่าจะปิดได้ก็ปลายปี เพราะฉะนั้นหากเราจะรับรู้การเงินของ DMM ได้ก็จะเป็นปีหน้า โดยปีนี้ก็จะได้ 2 เดือนสุดท้าย ซึ่ง DMM มียอดขายประมาณ 70 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจากการที่เราถือหุ้น 75% ก็จะทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดด”

นายพิมล กล่าวต่อไปอีกว่า แนวโน้มกำไรสุทธิในปี 60 จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในทิศทางเดียวกับรายได้ที่คาดว่าจะมีการเติบโตเป็นเท่าตัวจากปีนี้  เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้เข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง  และจะเข้ามารับรู้รายได้เต็มปีทั้งหมดในปี 60 ซึ่งจะทำให้มีการเติบโตเป็นเท่าตัว  โดยบริษัทฯคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปี 60 จะอยู่ในกรอบ 6-7% โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 59 อยู่ที่ 6.09%

บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นกลยุทธ์หลักที่ทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการโตแบบก้าวกระโดด ทั้งนี้ ธุรกิจที่สนใจจะต้องเป็นธุรกิจที่บริษัทฯ มีประสบการณ์  มีความรู้ และสามารถเรียนรู้ได้  และธุรกิจอื่นๆ ที่มีอนาคตในระยะยาว  โดยประเทศที่มีความสนใจในการซื้อกิจการ ได้แก่  อังกฤษ  ,สหรัฐฯ  และยุโรป  ส่วนประเทศจีนยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปเข้าซื้อกิจการ  ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลากหลายธุรกิจที่เข้ามาเสนอ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจไม้ และอื่นๆ  โดยหากเป็นบริษัทขนาดไม่ใหญ่มากบริษัทก็ยังสามารถกู้เพิ่มเติมได้  เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมี D/E อยู่ 1.5 เท่า และบริษัทฯจะรักษาระดับให้ไม่เกิน 1.7 เท่า แต่หากมีขนาดใหญ่มากบริษัทฯก็ยังมีเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติมในการเข้าไปลงทุน