ไทยประท้วงโลก “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค. 2568 | 23:30 น.

ไทยออกแถลงการณ์ยันเคารพผลหารือหยุดยิง แต่กัมพูชาละเมิดข้อตกลง ยื่นประท้วงอาเซียน สหรัฐ และ จีน ขณะที่แม่ทัพ 3 พื้นที่ชายแดนกัมพูชา ตกลงร่วมหยุดยิง รอประชุม GBC 4 ส.ค.

KEY

POINTS

  • รัฐบาลไทยยื่นหนังสือประท้วงต่อประชาคมโลก (ประธานอาเซียน, สหรัฐฯ, จีน) กล่าวหากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยยังคงใช้อาวุธยิงเข้าใส่กำลังฝ่ายไทย
  • ไทยยืนยันความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้ เพื่อปกป้องอธิปไตย และชีวิตประชาชน แต่ยังคงพร้อมเจรจาในระดับสูงเพื่อยุติความรุนแรง
  • แม้สถานการณ์ระดับสูงจะตึงเครียด แต่ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดน 3 แห่ง ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงและงดเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อลดความตึงเครียดก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) 4 สิงหาคม 2568

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชา หลังตรวจพบการละเมิดข้อตกลง “หยุดยิง” และใช้อาวุธยิงเข้าใส่กำลังฝ่ายไทย 

ไทยยื่นประท้วงประชาคมโลก

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์รัฐบาลระบุว่า 

รัฐบาลไทยมีความจริงใจ และใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ที่จะยุติสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเร็วที่สุด การเจรจาจนมีข้อตกลงหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชน และยึดถืออำนาจอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และทหารของชาติ 

ทั้งหมดนี้เป็นความหวังร่วมกันของประชาคมโลก ที่จะคืนสันติภาพแก่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยเคารพต่อผลการหารือที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อหยุดยิงตามที่ได้แถลงร่วมกัน

แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า กองกำลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการใช้อาวุธยิงต่อกำลังฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ ทำให้ทหารฝ่ายไทยต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด และเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์

พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ประท้วงไปยังประธานอาเซียน สหรัฐอเมริกา และ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา เพื่อให้ได้รับทราบว่า การละเมิดข้อตกลงนี้ เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรง และไม่จริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน 

สถานการณ์ในขณะนี้ รัฐบาลมอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลัง เพื่อรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ยินยอมให้อธิปไตยไทยถูกล่วงล้ำไม่ว่ากรณีใด ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงสายวันนี้ ได้มีการพูดคุยกันระหว่างแม่ทัพภาคของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อหารือแนวทางในการคลี่คลายปัญหา 

ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการเจรจาในระดับสูงขึ้นต่อไป ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เพื่อยุติความรุนแรง ไม่ให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นทั้งพลเรือน และกำลังทหาร

เราเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามหลักสากล ยึดหลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนอย่างจริงใจของรัฐบาลไทย จะปรากฏชัดต่อนานาประเทศ และเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในขั้นตอนต่าง ๆ หลังการหยุดยิงบรรลุผลต่อไป

ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์จากช่องทางที่เป็นทางการ โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการอพยพกลับภูมิลำเนา ขอให้รอผลการยืนยันจากรัฐบาลต่อไป โดยรัฐบาลขอเน้นย้ำว่าได้ให้หน่วยงานในพื้นที่ อำนวยความสะดวกของพี่น้องประชาชนในศูนย์อพยพอย่างเต็มที่

รัฐบาลขอสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าที่อุทิศชีวิต และเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ และคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย

สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชน ไม่ตกเป็นเหยื่อเกมข่าวลวง หรือเกมการเมืองของกัมพูชา เพื่อสร้างความแตกแยกภายในประเทศจากฝ่ายตรงข้าม ทีมประเทศไทยขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชน

กต.ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการทำหนังสือประท้วงกรณีกัมพูชา ยังคงมีการยิงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งที่มีข้อสรุปให้หยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข ว่า ได้มีหนังสือประท้วงออกมาแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ส่งหนังสือประท้วงไปที่ไหนบ้าง นายมาริษ กล่าวว่า ได้ส่งไปที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และได้ส่งหนังสือให้กับทางสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะผู้สังเกตการณ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดตนขอยังไม่เปิดเผย ขอกลับไปทำงานก่อน

กัมพูชายิงมา–ไทยยิงกลับ

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า การเจรจาหยุดยิงไม่ได้หมายถึงการปล่อยปละละเลย หากฝ่ายกัมพูชายิงมา ไทยพร้อมตอบโต้สมน้ำสมเนื้อ “เพื่อให้นานาชาติเห็นว่า ไทยเคารพกติกาสากล แต่จะไม่ยอมให้อธิปไตยถูกรุกล้ำ”

ทั้งนี้ มีการกำหนดเงื่อนไข 7 ประการที่แม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 ต้องนำไปหารือ ซึ่งบางเงื่อนไขยังไม่บรรลุผล เช่น การเคลื่อนย้ายอาวุธหนักและการจัดตั้งกลไกติดตามสถานการณ์ระดับพื้นที่ 

พร้อมย้ำว่า การหยุดยิงช่วยชะลอความสูญเสีย โดยจนถึงขณะนี้ มีประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 48 ราย ทหารเสียชีวิต 12 รายบาดเจ็บกว่า160 ราย

“ผมไม่ได้รับใบสั่งจากฝ่ายการเมือง ทุกอย่างยึดผลประโยชน์ชาติและชีวิตของประชาชนเป็นหลัก หากฝ่ายกัมพูชายิงมา เราก็มีสิทธิ์ยิงกลับทันที” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

สรุป : รัฐบาลไทยยังคงยึดแนวทางหยุดยิงเพื่อสันติภาพ ควบคู่กับ ตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย โดยจับตาการประชุม GBC วันที่ 4 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการตัดสินใจว่าความขัดแย้งไทย–กัมพูชาจะเดินหน้าไปสู่ความร่วมมือหรือกลับสู่ความรุนแรง

                                  ไทยประท้วงโลก “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

ทหาร“ไทย–กัมพูชา”เห็นชอบ
หยุดยิง 3 พื้นที่ชายแดน 

ผบ.หน่วยทหารชายแดนไทย–กัมพูชา เห็นชอบพร้อมกัน 3 พื้นที่ ยุติการยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง หวังลดความตึงเครียด ก่อนการประชุมGBC วันที่ 4 สิงหาคมนี้

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า การประชุมหารือระหว่างผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้ง 3 พื้นที่ ได้ข้อสรุปเห็นพ้องร่วมกันให้ ยุติการยิงและงดการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อคลายความตึงเครียดและป้องกันความเข้าใจผิด ระหว่างรอผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคมนี้

การหารือในแต่ละพื้นที่มีรายละเอียดดังนี้

กองทัพภาคที่ 1 – ภูมิภาคทหารที่ 5 (กัมพูชา) พบกันที่จุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยตกลงให้งดเคลื่อนไหวกำลัง และเปิดช่องทางให้ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายสามารถติดต่อโดยตรงได้หากเกิดเหตุจำเป็น

กองทัพภาคที่ 2 – ภูมิภาคทหารที่ 4 (กัมพูชา) พบกันที่จุดผ่านแดนช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เห็นชอบยุติการยิงทันที ห้ามใช้อาวุธต่อประชาชน งดเสริมและเคลื่อนย้ายกำลัง พร้อมจัดตั้งชุดประสานงานระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและอำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต

กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี–ตราด (กปช.จต.) – ภูมิภาคทหารที่ 3 (กัมพูชา) ประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยมีผลสรุปไปในทิศทางเดียวกันกับพื้นที่กองทัพภาคที่ 1

โฆษก ทบ. ระบุว่า ก่อนและระหว่างการประชุมทั้ง 3 พื้นที่ สถานการณ์ตามแนวชายแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยไม่มีการยิงตอบโต้และการเคลื่อนไหวของกำลังเพิ่มเติม

                                   ++++++++++

ไทยคุม 11 พื้นที่หลังปะทะกัมพูชา

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง แถลงว่า หลังมีข้อตกลงที่จะหยุดยิงระหว่างไทย และกัมพูชา เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. 2568 ซึ่งฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด 

แต่ทางกัมพูชายังคงยิงเข้ามาฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ในหลายจุดซึ่งถือเป็นการกระทำที่จงใจละเมิดข้อตกลง การกระทำของกัมพูชาดังกล่าวทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้อง มีมาตรการโต้กลับ 

พบว่า ทางฝั่งกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีในการละเมิด คุ้มครอง วัฒนธรรม ของสหประชาชาติ หรือภายใต้อนุสัญญาของยูเนสโก จึงขอประณาม การกระทำของฝ่ายกัมพูชา

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ที่ไทยสามารถควบคุมไว้ได้มี 11 พื้นที่ ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค. 2568 ได้แก่

1.พื้นที่ภูมะเขือ 

2.ช่องอานม้า 

3.ปราสาทตาเมือนธม 

4.ปราสาทตาควาย 

5.แนวเขตแดนช่องบก 

6.ปราสาทโดนตวล 

7.เขาสัตตะโสม 

8.ช่องจอม 

9.ช่องสายตะกู 

10.เขาพระวิหาร 

11.ฐานพลาญยาว

สำหรับผู้อพยพ มีทั้งสิ้น 188,729 คน โดยมีพลเรือนได้รับผลกระทบเสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมทั้งสิ้น 53 คน 

ปัจจุบันยอด ผู้ได้รับบาดเจ็บแอดมิดอยู่โรงพยาบาล 14 ราย ขณะที่สถานพยาบาลได้รับผลกระทบ 20 แห่ง ปิดบริการ 13 แห่ง ปิดบางส่วน 7 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้รับผลกระทบ 175 แห่ง


รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 12 ฉบับ 4118