วิกฤตฝุ่นควันจิ๋วภาคเหนือ ถึงเวลา “สิทธิในอากาศสะอาด”

29 มี.ค. 2566 | 06:47 น.

บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3874

ภาคเหนือยังอยู่ในภาวะวิกฤตอากาศเลวร้ายต่อเนื่องนับเดือน และรุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกจัดอันดับเป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศเลวร้ายสุดในลำดับต้นๆ ของโลก ขณะที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ อ.แม่สาย มีตัวเลขคุณภาพอากาศเลวร้าย โดยปริมาณฝุ่นจิ๋ว(PM2.5) มีค่าเกิน 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกินเกณฑ์มาตรฐานที่ 50 มคก./ลบ.ม.นับสิบเท่า และสูงสุดนับแต่มีการตรวจวัด

สถานการณ์สุดทนนี้ วันจันทร์ที่ 27 มี.ค.2566 กลุ่มพลังงานมวลชนในนาม “เครือข่ายภาคเอกชนและประชาชนอ.แม่สาย” กว่า 200 คน รวมตัวชุมนุมและยื่นหนังสือร้องเรียนแก่นายอำเภอแม่สาย ให้เร่งแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยหนึ่งในข้อเสนอระยะยาวคือ ผลักดันให้ปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนเป็นวาระอาเซียน กดดันภาคเอกชนที่ไปส่งเสริมการเกษตรในประเทศเพื่อนบ้านร่วมแก้ปัญหาลดการเผาป่า

 

มีเสียงเรียกร้องกระหึ่มให้เร่งประกาศภาคเหนือ หรือจังหวัดที่มีค่ามลพิษทางอากาศเกินเกณฑ์มาตรฐาน เป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติอากาศพิษ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการช่วยเหลือประชาชน การส่งมอบอุปกรณ์กันฝุ่นละออง จัดสร้างห้องปลอดฝุ่น สร้างฟื้นที่ปลอดภัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง แต่อีกด้านก็วิตกว่าจะกระทบการท่องเที่ยว หรือสร้างแผลเป็นความทรงจำของคนนอก ที่อาจปฏิเสธการเดินทางเข้าพื้นที่ในอนาคต จึงขอดูสถานการณ์อีก 2-3 วัน หากไม่ดีขึ้นจึงจะประกาศและจำกัดเขตเป็นรายอำเภอ 

กรมอนามัยคาดว่าในสัปดาห์นี้ (27 มี.ค.-2 เม.ย.) ยังคงมีแนวโน้มการสะสมฝุ่น PM2.5 เนื่องจากลมนิ่ง และยังมีการเผา แต่อาจมีตัวช่วยกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัยพายุฤดูร้อน 26-29 มี.ค. 2566 มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บบางพื้นที่ เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อด้วยภาคตะวันออก ภาคกลาง และตะวันออกของภาคเหนือ ซึ่งอาจช่วยลดปริมาณฝุ่นควันจิ๋วภาคเหนือลงบ้าง

แม้พายุฤดูร้อนอาจช่วยลดฝุ่นควันจิ๋วภาคเหนือ แต่เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว หากยังปล่อยให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ขณะที่กลไกการแก้ปัญหาของภาครัฐและท้องถิ่นกลับตอบสนองไม่ทันสถานการณ์ โดยต่างหน่วยงานต่างดูแลในมิติความรับผิดชอบของตนเองเป็นหลัก ยิ่งเป็นรัฐบาลรักษาการสมาธิไปจดจ่อที่การเลือกตั้ง ไม่อยากออกมาตรการที่อาจกระทบฐานเสียง ปล่อยปัญหานี้ให้เป็นภาระของรัฐบาลใหม่มารับไม้ต่อ 

สิทธิอากาศสะอาด และสิทธิในการอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย สะอาด ถูกสุขอนามัยและยั่งยืนเป็นของพลเมืองทุกคน เมื่อยังไม่มีกฎหมายดูแลโดยเฉพาะ ก็อาจต้องพึ่งศาล ตามบรรทัดฐานที่ศาลปกครองเคยพิพากษา ให้ชาวบ้านชนะคดีที่ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ในการแก้ปัญหามลพิษฝุ่นควันในจังหวัดเชียงใหม่มาแล้ว อาจช่วยเร่งหน่วยงานที่รับผิดชอบให้กระตือรือล้นในการแก้ปัญหายิ่งขึ้น