พุทธะ​ที่แตกต่าง

15 ต.ค. 2568 | 20:00 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ต.ค. 2568 | 01:08 น.

พุทธะ​ที่แตกต่าง คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

KEY

POINTS

  • เถรวาทเน้นการยึดถือคำสอนดั้งเดิมและรูปแบบการปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของพระธรรมวินัย ไม่ให้ผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา
  • มหายานเปิดกว้าง ยืดหยุ่น และปรับเปลี่ยนการปฏิบัติตามบริบทของสังคมและวัฒนธรรม เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงธรรมได้ง่าย ไม่เคร่งครัดจนกลายเป็นความเครียด

ศาสนาพุทธในอินเดีย​กับศาสนาพุทธในประเทศไทย​มีความเหมือน​ มีความต่างอยู่มากมายทั้งในแง่คติความเชื่อและประเพณีปฏิบัติ ศาสนาพุทธที่แตกต่างด้วยนิกายมีมากมายในอินเดีย​ ทั้งแบบเถรวาทเดิม ๆ แบบประเภทยึดมั่นถือมั่น ทั้งคำสอนดั้งเดิม พระธรรมวินัยดั้งเดิม ถือกันจนหน้ามืดบ้าเลือดถกเถียงกันคอเป็นเอ็นว่าที่ถูกต้องเถรวาท​แบบนี้ ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่ใช่​ อันนี้พระสงฆ์ถนัดนักแล

แต่ความเป็นศาสนาพุทธแบบมหายานกลับกันอย่างคนละมุม​ คือ​ ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามบริบทภูมิประเทศ​ สังคม​ วัฒนธรรม เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข​ สงบแบบไม่ร้อยรัด​จำกัดจนการฝึกจิตตนเองเป็นทุกข์ด้วยความเครียด

"ธรรมทั้งปวง​ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"

นี่เป็นสิ่งที่พุทธศาสนามหายานท่องจำน้อมนำเอามาปฏิบัติ​ และสามารถผ่อนปรนทุกอย่างไปตามเหตุปัจจัย​ แต่ไม่ออกนอกทางแห่งความเป็นพรหมจรรย์ในข้อหลักใหญ่​

ผมเชื่อเสมอว่า พุทธศาสนาแบบมหายาน เป็นไปเพื่อผ่อนคลายความเครียดความทุกข์แบบไร้รูปแบบ​ และ​ระเบียบแบบแผนมาร้อยรัด​มากเกินไป​ จึงทำให้ได้รับความนิยมจากผู้ที่มาใหม่​ จากศาสนาอื่น​ ชาวยุโรป​ ชาวอเมริกา​ จึงมีความนิยมในการเรียนรู้ฝึกฝนตามคติพุทธมหายานมากกว่าเถรวาทเมื่อนับจำนวนเปรียบเทียบ​ ยิ่งมีข่าวเสียหายเรื่องพระเกี่ยวกับสตรีและสตางค์ในประเทศไทย​ ยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจในพุทธแบบมหายานมากขึ้น เพราะสายนั้นเรื่องสตรีและสตางค์ไม่ค่อยมีเป็นข่าวเป็นประเด็น

การฝึกตนด้วยการบีบคั้น ​ร้อยรัดด้วยวิธีการมากมายที่จำกัด​ แลดูฝืนความเป็นธรรมชาติ ถ้ามากเกินไปก็ใช่ทางสายกลาง​ ทางมหายานจึงเน้นการปฏิบัติที่เหมาะสมแห่งภาวะความเป็นธรรมชาติของมนุษย์​ ไม่ฝืน​ ไม่ร้อยรัด​ จนเกิดความทุกข์ความเครียดใด ๆ​ เพื่อการฝึกจิตที่ราบเรียบสงบง่าย​

แต่เถรวาทมองว่า​ ถ้าเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ​ คำสอนแท้ ๆ ดั่งเดิมจะไม่เหลือให้ศึกษา พุทธศาสนาจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย​ จนไม่ปรากฏความดั้งเดิมความเข้าใจผิด​จะทำให้ผิดเพี้ยนไปต่าง ๆ นานาได้ แค่คนร้อยคนเรียงแถว​ แล้วให้คนแรกพูดประโยคหนึ่ง​ แล้วส่งคำพูดต่อ ๆ กันไปกว่าจะไปถึงคนสุดท้ายประโยคนั้น​ ผิดเพี้ยนแน่นอน​นับประสาอะไรการส่งต่อจากปากต่อปากที่ผ่านกาลเวลาแบบไม่ยึดจารีตประเพณีและตำรา​ ความผิดเพี้ยนมีหรือที่จะไม่ปรากฏ​

ส่วนตัวเวลาปฏิบัติธรรม​ เพื่อให้จิตใจสงบนั้น ผมจะเน้นองค์ความรู้และวิธีปฏิบัติแบบมหายาน เพราะทำให้จิตรวมเป็นหนึ่งสงบง่าย​ ไม่เคร่งเครียดแบบพร้อมบ้าบอ​ เห็นแสงเห็นสี​ ติดหล่มในสมาธิจนสถาปนาตนเป็นผู้วิเศษ มีพราย มีเทพมากระซิบ​

แต่เวลาทำบุญจะยึดแบบประเพณีของเถรวาท​ เพราะดูเหมือนเป็นรูปแบบที่น่าศรัทธา​ อาทิ​ การถวายสังฆทาน การตักบาตร การถวายกฐินทาน เป็นอริยะประเพณีที่สืบทอดมา​ และ​เป็นสิ่งที่ไม่ควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขใด ๆ​ แต่ทำแล้วไม่ยึดติดเรื่องอานิสงส์​ จะได้บุญเท่าไหร่มากน้อยอะไร ทำเพื่อละความตระหนี่​ ทำเพื่อรักษาประเพณี​ ทำเพื่อให้ใจรู้จักการสละออก ทำเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาคิดแค่นี้ก็ปลื้มปีติ​

การปฏิบัติแนวมหายาน​ แบบสากลนั้น​ จะไม่มีรูปแบบมากำหนด​ ทุกอย่างอาศัยธรรมชาติแห่งปัจเจกบุคคล เรานั่งท่านี้แล้วสงบก็นั่ง​ เรานั่งมองอากาศแล้วใจสงบก็ทำ เรานั่งนิ่ง ๆ ริมน้ำแล้วสงบก็ทำ​ เพียงแค่นี้​ ไม่มีพิธีรีตองใด ๆ ให้ยุ่งยาก​

เน้นให้ใจเรียนรู้ความเป็นไปตามที่ใจต้องพบเจอเป็นประสบการณ์ในการปฏิบัติ​ ระหว่างปฏิบัติต้องพบเจออะไรแต่ละคนต่างกันจะไม่เหมือนกัน​ ถ้าต้องพบเจอสิ่งเดียวกันเหมือนกันเป็นรูปแบบ​ นั่นเรียกว่า​ มายาจิต​ เป็นการแอบสร้างขึ้นโดยอุปาทานขันธ์แบบไม่รู้ตัว

สำนักปฏิบัติในรูปแบบเถรวาทมีเยอะ.. ที่ผู้ปฏิบัติต้องรู้สึกแบบนี้​เป็นแบบนั้น​ จึงจะปฏิบัติถูกต้อง​ อันนี้ขอค้าน.. เพราะคนเราบุญกุศลแต่ละคนยังไม่เท่ากัน​ มาปฏิบัติแล้วจะเห็นหรือรู้สึกเหมือนกันเป็นไปได้อย่างไร​ ถ้ารู้สึกเหมือนกันนั่นคือ​ มายาจิต​ เป็นอุปาทานขันธ์สร้างขึ้นแน่นอน​

บางคนเกิดปีติในธรรม​ ด้วยขนลุกขนพอง บางคนเกิดปีติด้วยน้ำตาไหลไม่หยุด​ บางคนเกิดปีติด้วยอาการอิ่มเอิบทั้งกาย แค่ปีติของแต่ละคนยังไม่เหมือนกันเลย​

เขียนมาเพื่อให้เห็นความต่าง​ เขียนมาเพื่อให้เปิดใจยอมรับความแตกต่าง เมื่อใจยอมรับความต่างได้​ ย่อมจะเข้าถึงความจริงทั้งปวงได้​ เพราะแค่เปลี่ยนที่ใจ โลกทั้งใบก็เปลี่ยนตาม