อยากมีรถ มีบ้าน​ มีเงินทอง ทำไมต้องเชื่อคนที่ไม่เคยมีอย่างพระภิกษุ

25 มิ.ย. 2568 | 21:30 น.

อยากมีรถ มีบ้าน​ มีเงินทอง ทำไมต้องเชื่อคนที่ไม่เคยมีอย่างพระภิกษุ คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

ในเมื่ออยากมีรถ มีบ้าน มีเงินมีทอง ประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างมีความสุขสบาย ทำไมต้องไปเชื่อคนที่ไม่เคยมีอย่างพระภิกษุด้วย นับว่าเป็นคำถาม ที่ชวนให้ฉุกคิด เป็นคำถามของคนรุ่นใหม่ ที่อาจจะมีมุมมองที่แตกต่าง ยอมรับว่าเป็นคำถามที่ดีเพื่อเป็นการคลี่คลาย ความสงสัยต่างๆ ของคนรุ่นใหม่ได้

โดยสามัญสำนึกของคน โดยทั่วไปแล้ว ต่างมองว่าพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า มุ่งเน้นสอน เพื่อดับทุกข์ เพื่อการหมดกิเลส เพื่อการเข้าสู่นิพพาน เป็นจุดหมายหลัก และพระพุทธเจ้าเอง ก็ทรงปลีกวิเวก ออกจากราชวัง ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญ มีอยู่มีกิน ตามมีตามเกิด ที่บิณฑบาตได้ ไม่มีปัจจัยใดๆ ไม่พึงอาศัยเกวียนเทียมโค ในการเดินทางใดๆ จะรู้วิธีการ ที่จะทำให้ผู้คนประสบความสำเร็จ ได้อย่างไร

นี่เป็นมุมมอง ที่เขาได้รับรู้รับทราบ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แบ่งออกเป็น Level อย่างชัดเจน

Level ที่ 1 สำหรับคนใช้ชีวิต พระองค์ให้วิธีการมากมาย ที่จะทำให้บุคคลเหล่านั้น ประสบความสำเร็จในชีวิต มีรถมีบ้าน มีเงินทอง มีความสะดวกสบายสำหรับ การดำรงชีวิต

Level ที่ 2 พระองค์ทรงสอนผู้คน ที่เริ่มเบื่อหน่ายทางโลก หันมาประพฤติปฏิบัติธรรม เรียนรู้ทุกสรรพสิ่ง ตามหลักความเป็นจริง

Level ที่ 3 พระองค์ทรงสอนบุคคล ที่อุทิศกายและใจ เข้ามาดำรงอยู่ในพระพุทธศาสนา เพื่อขัดเกลาจิตใจ ให้ได้สัมผัสกับธรรมทั้งปวง ตามความเป็นจริง

Level ที่ 4 พระองค์ทรงสอนบุคคลในพระพุทธศาสนา ให้ประพฤติปฏิบัติพรหมจรรย์อย่างยิ่งยวด​ เพื่อให้เห็นภัยแห่งวัฏสงสาร ให้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดและให้เห็นความไม่เที่ยง ของชีวิต และสุดท้าย จิตก็เข้าสู่ นิพพาน

แม้ Level 1 พระพุทธเจ้า สอนคนธรรมดาในการใช้ชีวิต ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาอีกว่า ในเมื่อพระองค์ไม่เคยใช้ชีวิต และพระองค์จะรู้ได้อย่างไร ว่าต้องพึ่งปฏิบัติเช่นไรจึงประสบความสำเร็จ มีแก้วแหวนเงินทอง เพราะในคติทางโลกนั้น จะเชื่อเรื่องใด ต้องฟังจากบุคคล ที่มีความสำเร็จ เคยผ่านชีวิตด้านนั้นมาแล้ว

แต่ในความเป็นจริง พระพุทธเจ้า ได้ใช้ชีวิตทางโลกยาวนานถึง 29 ปี มีความสุขเปี่ยมล้น มีข้าทาสบริวาร มีเงินทอง มีอาหารมากมาย มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี มีความรู้ในทางโลกมากถึง 18 ศาสตร์ นี่คือสิ่งที่เป็นหลักฐาน และกล่าวได้ว่า พระพุทธเจ้าเอง ประสบความสำเร็จในทางโลกมาแล้ว มากเกินกว่าบุคคลธรรมดาที่จะเข้าใจได้ และจะเป็นได้ และจะมีได้ เช่นพระองค์

ครั้นออกบวช ประพฤติพรหมจรรย์จนบรรลุธรรม พระพุทธองค์ก็ทรงทราบว่า การที่มนุษย์จะประสบความสำเร็จในชีวิต มีรถ มีบ้าน มีเงินทอง ล้วนมีรากฐานมาจากจิตใจ เป็นผู้ปกติให้ในทานทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการสละออกให้กับบุคคลทั่วไปธรรมดา หรือเป็นการสละออกให้กับขอทาน คนยากจน ผู้ลำบากกว่า ตลอดทั้ง สละให้เป็นทาน ถวายแด่พระภิกษุ นี้เป็นเหตุ ที่ทำให้เกิดความสำเร็จอย่างแท้จริง

เพราะผู้ที่สละเป็นทาน ครั้นเวลาทำสิ่งใด ย่อมประสบความสำเร็จราบรื่นได้โดยง่ายกว่าบุคคลอื่นที่มักจะตระหนี่ ถี่ เหนียว ไม่รู้จักแบ่งปัน ยิ่งให้ยิ่งได้​ นี้เป็นคำจริง​

ผมเคยพิสูจน์เรื่องนี้​ ด้วยซองกฐินผ้าป่ามาแล้ว​ ตามคำสอนนั้นผู้ร่ำรวยเพราะอดีตชาติสร้างทานบารมีเอาไว้มาก​ นี่คือ​ฐานความรู้ ความคิดที่มีมา​จริงหรือไม่ จึงต้องพิสูจน์​ ครั้นได้ซองผ้าป่ากฐินมา​ แล้วให้บุคคลที่รู้จักกันร่วมบุญ​

คนที่มีฐานะดี​ร่ำรวย​ เขาไม่ถามไม่อ่านฎีกาบุญเลย​ หยิบเงินใส่ปิดซองจบอธิษฐานทันที​ แต่คนที่ฐานะไม่ค่อยดีอ่านแล้วถามอีกในข้อมูล แล้วจึงใส่บ้างไม่ใส่บ้าง​ การใส่มากน้อยไม่ใช่ประเด็น​ แต่พฤติกรรมการใส่ต่างหากคือเครื่องพิสูจน์​

ด้วยอดีตชาติเคยทำบุญทำทานมามาก​ ชาตินี้ชีวิตด้านการเงินจึงราบรื่นไม่มีอุปสรรค​ หากินง่ายหากินคล่อง​ นิสัยเดิมวาสนาเดิมจากอดีตชาติจึงติดตัวข้ามภพชาติมาด้วย ใครชวนทำบุญจึงทำทันที ยิ่งถ้ามีศรัทธาวัดไหนมากยิ่งทำมาก

นี่จึงเป็นคีย์สำคัญว่า​ เหตุที่ต้องเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ที่ไม่มีอะไรเลย​ แต่สามารถสอนคนทั่วไปให้มีฐานะได้​ ในปัจจุบันภพชาตินี้​ เพราะอานิสงส์ผลบุญนั้นเอง และเรื่องนี้ยังทำให้ทราบอีกด้วยนิสัยหรือวาสนาเดิมสามารถข้ามภพชาติมาได้ด้ว​ย​

ชีวิตจึงมีความซับซ้อนในเงื่อนไขแห่งกรรมและโลกวิญญาณมากมายเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้หมดทุกวิถี​ เอาเป็นว่า​ อยากราบรื่นในชีวิตมีเงินทอง​ หมั่นสร้างทานบารมีให้มาก​ แล้วจะสมปรารถนา