เมื่อจิตใต้สำนึกทำงาน

25 ต.ค. 2566 | 20:30 น.

เมื่อจิตใต้สำนึกทำงาน คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราชรามัญ

คุณเคยเคลิ้มๆ เหมือนกำลังจะหลับ แล้วหูแว่วๆ ได้ยินเสียงมากระซิบในหูไหม บางครั้งได้ยินเสียงเหมือนมาเตือนฝากดูแลลูกหลานหรือพ่อแม่ บางครั้งได้ยินเสียงเหมือนมาบอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้

คติความเชื่อของคนทั่วไปนั้น ถ้าได้ยินเสียงมากระซิบแบบฝากดูแลคนนั้นคนนี้ เขาเชื่อว่ามีวิญญาณของใครสักคนเป็นห่วงในสิ่งที่เขาฝากดูแล แต่ถ้ามาบอกให้ทำอะไรต่ออะไร เป็นเพราะผีมาบอกให้ทำ อาทิ บอกให้ทำยาสูตรนั้นนี่ ก็ขาก็เรียกว่า "ยาผีบอก" เป็นต้น

ในเรื่องของวิญญาณมาบอก ในคติโลกแห่งวิญญาณตามคติของพุทธนั้น มิได้เป็นอย่างความเชื่อของศาสนาผี ประเภทมีวิญญาณผู้ล่วงลับมาโหนห้อย คอยมาบอกสิ่งนั้นนี่ คติของพุทธศาสนาแท้ๆ ที่เป็นสากลนั้น ตายปุ๊บเกิดปั๊บทันที

 

ช่วงเวลาที่เป็นสัมภเวสี มีแค่ 30 วินาทีเท่านั้นของทุกดวงจิตวิญญาณ สัมภเวสี แปลว่า แสวงหาที่เกิด ซึ่งทำงานแค่ 30 วินาทีแล้วก็เกิดเลย ส่วนจะเกิดเป็นคนหรือสัตว์เดรัจฉาน หรือ เกิดเป็นเทพเทวดา พรหม หรือ สุดท้ายจะไปเกิดเป็นสัตว์นรก ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม

ถ้ายึดตามหลักพุทธศาสนานั้นหมายความว่า วิญญาณที่ออกจากร่างหลังจากตายแล้วแค่ 30 วินาทีก็ไปเกิดในร่างใหม่ วิญญาณที่ล่องลอยเร่ร่อนก็ไม่มีอยู่จริง

ดังนั้น สิ่งที่เวลาครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วเราได้ยินเสียงคนมากระซิบมาบอกนั้น มาจากไหน คิดเอง หรือ อะไรกันแน่ ถ้าเอาคำตอบตามความจริง เสียงนั้นก็มาจากความคิดของเราเองที่มีความวิตกกังวลห่วงใยหรือคิดถึง จึงปรากฏกลายเป็นเสียงมากระซิบ ซึ่งมีที่มาจากจิตใต้สำนึก ของผู้ที่ได้ยินนั่นแหละเป็นคนพูดเอง

 

สรุปได้ว่า จิตใต้สำนึกนั้นทำงาน และ เป็นจิตใต้สำนึกของผู้ได้ยินนั่นแหละทำงานเอง ไม่ใช่วิญญาณหรือผีที่ไหนใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเราเชื่อตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

แต่ถ้าเชื่อในคำสอนศาสนาผี คำตอบก็จะเป็นอีกอย่าง คือ วิญญาณมาหา ผีมาบอก ก็จะไปอีกทางหนึ่งเลย ท้ายที่สุดก็อยู่ที่ตัวเราเองแล้วว่าจะเลือกเชื่อแบบไหน และยึดแบบไหนเป็นสรณะ

แต่สำหรับผมจะยึดและเชื่อในคำสอนพุทธศาสนาเป็นที่ตั้งที่สุด