“ประยุทธ์” กล้าหรือไม่? “ล็อกดาวน์-WFH 100%”

08 ก.ค. 2564 | 23:10 น.

รายงานพิเศษ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 9 ก.ค.2564 

“ศึกสงครามโรคโควิด ระลอก 4” กำลังเข้าสู่โหมดความของความรุนแรงดุดันหนักหน่วง จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นทะลุสถิติถล่มทลายอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน จากวันละ 5,000-6,000 คน ก้าวขึ้นมายืนที่ 7,058 ราย ยอดการตายที่เคยยืนระดับหลัก 30-40 คน ทะลุมายืนต้อนรับผู้คนบนเชิงตะกอนในระยะเวลาอันสั้นวันละ 75 คน สร้างความเจ็บปวดหัวใจให้กับคนไทยทุกคน

 

หลายจังหวัดยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด จ.เลย ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น  25 ราย ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 รวมตอนนี้  281 ราย 

 

นครราชสีมา จำนวนผู้ป่วยทุบทุกสถิติติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทะลัก 153 ราย ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่เสี่ยง รวมยอดป่วยสะสม 1,742 ราย ผู้ว่าฯต้องเรียกประชุมเพื่อประกาศกฎเหล็กคุมเข้มไม่ให้นั่งกินในร้านอาหาร งดออกบ้านสี่ทุ่มถึงตีสี่ ขยายเวลาปิดโรงเรียนทั้งจังหวัดออกไป จัดเตรียมรพ.สนาม 3 แห่ง รวม 400 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยล้น รพ. 

 

กาญจนบุรี พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 26 ราย รักษาหาย จำนวน 38 ราย เสียชีวิต 1 รายตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.64 จนถึงปัจจุบัน สะสม 775 ราย
สถานการณ์มาถึงจุดที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ศบค. และ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ แถลงว่า กระทรวง สธ.จะเสนอต่อศบค.ให้ทำการ“ล็อกดาวน์” พื้นที่สำคัญขั้นสูงสุด 14 วัน ห้ามออกนอกบ้าน ยกเว้นไปจัดซื้อจัดหาอาหาร พบแพทย์ และฉีดวัคซีน ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ปิดสถานที่ไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตทั้งหมด ในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค. นี้

 

มาตราการสำคัญที่จะนำเสนอ ศบค. มาตรการล็อกดาวน์หรือที่พยายามจะให้วาทกรรมว่า Work Form Home 100% คาดว่าจะเลือกเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้มซึ่งมี 8-10 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑล รวมถึงพื้นที่เสี่ยง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ คือ

                            “ประยุทธ์” กล้าหรือไม่? “ล็อกดาวน์-WFH 100%”

1.จำกัดการเดินทางออกจากบ้าน และไปในสถานที่เสี่ยง โดยลดการเคลื่อนที่ของประชาชน ดังนี้

 

- Work From Home 100% ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น และงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค

 

- ขอให้ประชาชน งดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้น ซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และ ฉีดวัคซีน

 

- ปิด หรือลดเวลาเปิดสถานที่ชุมชน/สถานที่เสี่ยง เพิ่มเติม อาทิเช่น ลดเวลาเปิดปิด ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ยกเว้น ส่วนของร้านอุปกรณ์อุปโภคบริโภคส่วน เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต

 

- ลดการรวมกลุ่มกัน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เช่น งดจัดประชุม จัดสอบ หรือกลับเข้าสถานศึกษา

 

- งดการเดินทางข้ามจังหวัด 

 

2.ปรับแผนการกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัด และ ระดมการฉีดวัคซีนที่มีอยู่ให้กลุ่มผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง ในกทม.และ ปริมณฑล ด้วยการจัดช่องทางด่วนในการตรวจ และรักษาให้กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และโรคเรื้อรัง

 

3.ให้ประชาชนทุกคน เน้นมาตรการป้องกันส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัย งดการคลุกคลีใกล้ชิดกัน หรือ รับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งในที่บ้าน สถานที่ทำงาน

                             “ประยุทธ์” กล้าหรือไม่? “ล็อกดาวน์-WFH 100%”

-เน้นย้ำทุกหน่วยงาน และผู้ประกอบการ เรื่องมาตรการป้องกันส่วนบุคคลในสถานประกอบการ สถานที่ทำงาน

 

การยกระดับใช้มาตรการคุมเข้มขึ้นมาของกระทรวงสาธารณะสุขก็เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามระยะฟักตัวของโรค 14 วัน ซึ่งมาตรการนี้มีการส่งสัญญาณออกมาว่า จะเข้มข้นไม่น้อยไปกว่ามาตรการช่วงการระบาดระลอกที่ 1 เมื่อเดือน เม.ย. 2563 ที่ผู้คนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มจาก 100 คน เป็น 300 คน เท่านั้น แต่ตอนนี้ผู้ติดเชื้อทะลุ 7,000 คน เข้าไปแล้วจากขีดความสามารถในการตรวจของไทยวันละ 3 หมื่นราย เรียกว่าอันตรายอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ยังจะเสนอให้มีการใช้ชุดตรวจ Rapid antigen ตาม รพ.ที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วและต้องมีเตียงไว้รองรับผู้ป่วยด้วย เพื่อความรวดเร็วในการคัดกรอง เริ่มต้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ถ้าตรวจเจอเป็นบวก ก็ตรวจซ้ำด้วย PCR ถ้าไม่เจอก็กลับบ้าน และการทำ Rapid antigen Swab ที่บ้านอาจจะเป็นเฟสต่อไป

 

ข้อเสนอการล็อกดาวน์นั้นทำให้ตลาดหุ้นวิตกกังวลติดลบไป 32 จุด ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนวันที่ 8 ก.ค.2564 พบว่า สถาบันในประเทศ (กองทุน) ขายสุทธิ 1,863 ล้านบาท  บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขายสุทธิ 1,016 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 4.59 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 2,884  ล้านบาท

                                “ประยุทธ์” กล้าหรือไม่? “ล็อกดาวน์-WFH 100%”

และเมื่อตรวจสอบมูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 - 8 ก.ค. พบว่าบรรดากองทุนขายสุทธิ 3,161  ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 518  ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 5,501  ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 8,144 ล้านบาท

 

และเมื่อย้อนไปมูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. - 8 ก.ค. พบว่า กองทุนขายสุทธิ 39,801  ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 7,067  ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 81,763  ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 118,649  ล้านบาท
หลายคนอยากรู้ว่า นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจอย่างไร เพราะนี่คือการตัดสินใจที่เดิมพันต่อชีวิตคน และการดิ้นรนทำมาหากินของประชาชนทั้งประเทศ

 

เนื่องจากตัดสินใจล็อคดาวน์นั้น 1 เดือน ต้องใช้งบประมาณในการดูแลเยียวยาผู้คนที่สูงมากราวเดือนละ 3 แสนล้านบาท และมีการประเมินว่า การล็อกดาวน์นั้นจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศหดตัวลงอีกจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.8% แต่ตอนนี้ กกร.ได้ออกมาปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยว่าอาจจะโตได้แค่ 0-1.5% และมีแนวโน้มว่าอาจจะ ‘ติดลบ’ 

 

โดยหากรัฐบาลยังคุมไวรัสโควิด 19 ไม่อยู่ เศรษฐกิจจะหดตัวลงอย่างรุนแรงอีกระลอกเหลือแค่ 0-0.5%

 

แต่ถ้าใครพิจารณาจากการเฟสซบุ๊ก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha จะพบว่า มี 10 สัญญาณที่พล.อ.ประยุทธ สื่อสารออกมานั้นบอกได้ว่าจะทำอย่างไร ทิศทางแนวโน้มจะออกทางไหน สัญญาณนั้นแกะออกมาจากข้อความได้สาระสำคัญ 10 ประเด็น

 

1. ยอมรับว่า การแพร่ระบาดมีความรุนแรงขึ้น

 

2. นายกฯมีความไม่สบายใจในการระบาดของโรค

 

3. รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาออกมาตราการอย่างรัดกุม

 

4. มาตรการที่ออกมาหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจ

                                     “ประยุทธ์” กล้าหรือไม่? “ล็อกดาวน์-WFH 100%”

5. หากไม่ดำเนินการจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อทุกภาคส่วนมากกว่านี้

 

6. มาตรากรที่จะออกมาต้อง กำหนดมาตรการเข้มงวดขึ้น จำกัดการเคลื่อนย้าย การรวมกลุ่มทำกิจกรรม 

 

7. สงครามโรคไวรัส จะชนะได้ ต้องอาศัย ความสามัคคี มีวินัย อดทน ของทุกคตนในชาติ

 

8.  ความมีสติในการรับข่าวสาร

 

9. ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคน

 

10. รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ไม่ต้องแปลก็บอกว่า พล.อ.ประยุทธ เลือกที่จะสู้ต่อไปอย่างไม่มีท้อ และได้เลือกข้างชัดเจนว่า เลือกชีวิตและความปลอดภัยของผู้คนมากกว่า จะเน้นผลกระทบทางเศรษฐกิจ และจะทำให้ดีที่สุด 

 

คำถามคือดีที่สุดนั้น ทำอย่างไร ถ้าทำแบบเดิมๆ วิธีการเดิมที่เป็นการตั้งรับแล้วจัดการกับการแพร่ระบาดไม่อยู่ วิกฤตศรัทธาจะกลับมาทิ่มแทงใส่นายกรัฐมนตรีอย่างหนักหน่วงแน่นอน ไม่เชื่อรอดู...

 

ขณะที่ไทยกำลังดิ้นหาวาทกรรมว่าจะล็อคดาวน์ หรือจะ WFH 100% เพื่อลดภาระการชดเชยทางด้านการเงินและงบประมาณในการเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการตามข้อกฎหมายนั้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ครั้งที่ 4 ในกรุงโตเกียว ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน เพื่อสกัดจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.จนถึงวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งอาจส่งผลให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในโตเกียวต้องจัดขึ้นโดยไม่มีผู้เข้าชม

 

ดูเขาย้อนดูเรา นายกฯจะกล้าหรือไม่!