ว่าด้วยเรื่องผู้ว่าแบงก์ชาติคนต่อไป

09 ก.ค. 2568 | 06:18 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2568 | 06:32 น.

ระหว่าง “รุ่ง–วิทัย” ใครควรนั่งเก้าอี้ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ บทสนทนากับผู้ใหญ่ในแวดวงการเงิน ถึงขั้นอยากได้ “สองคนบวกกันแล้วหารสอง”

KEY

POINTS

  • วิเคราะห์เปรียบเทียบ 2 ตัวเต็งผู้ว่าแบงก์ชาติ ระหว่าง คุณรุ่ง นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ และ คุณวิทัย นักการเงินที่เน้นการปฏิบัติจริง
  • ชี้ให้เห็นจุดเด่นของ คุณวิทัย ในการบริหารธนาคารออมสินให้เป็นธนาคารเพื่อสังคมอย่างแท้จริง สามารถยืนหยัดต่อแรงกดดันทางการเมือง และไม่ถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมือง
  • ทั้งสองคนถูกมองว่ามีความสามารถทั้งคู่ บุคคลในแวดวงการเงินถึงขั้นอยากได้ “สองคนบวกกันแล้วหารสอง”

นั่งคุยกับผู้ใหญ่ในแวดวงการเงินหลายท่าน ว่าระหว่าง คุณรุ่ง กับ คุณวิทัย ใครเหมาะสมจะเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติคนต่อไปมากกว่ากัน คำตอบที่ได้รับคือ ระหว่างสองคนนี้เป็นใครก็ได้ เพราะเชื่อว่าจะไม่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง แต่ละคนมีจุดเด่นต่างกัน  

ถ้าเป็น คุณรุ่ง เราจะได้นักธนาคารกลาง นักเศรษฐศาสตร์ ที่เป็นนักวิชาการ รู้เรื่องแบงก์ชาติดีมาก เหมือนกับอดีตผู้ว่าลูกหม้อแบงก์ชาติ ที่เติบโตจากภายในองค์กร 

ถ้าเป็น คุณวิทัย เราจะได้นักการเงินที่เน้นการปฏิบัติให้เกิดผลจริง บริหารจัดการเก่ง คงเหมือนกับอดีตผู้ว่าปรีดิยาธร ที่ผ่านประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาว มาหลายองค์กร หลายความท้าทาย 

ถามต่อไปว่า “ไม่กลัวคุณวิทัยจะอยู่ใต้คำสั่งนักการเมืองพรรคเพื่อไทย จนทำให้เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยสั่นคลอนหรือ” 

คำตอบที่ได้รับคือ ถ้าดูจากการทำงานในช่วง 5-6 ปีที่ผ่าน คุณวิทัย มีหลักการ เป็นตัวของตัวเอง และเป็นผู้บริหารในภาคการเงินที่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากที่สุดคนหนึ่ง รวมทั้งสามารถบริหารจัดการแรงกดดันทางการเมืองได้ดีมาก แบบไม่ต้องมาชนออกหน้าสื่อ 

ที่เห็นได้ชัดเจน คือ สมัยนายกฯ เศรษฐา (ซึ่งเป็นรัฐมนตรีคลังด้วย) พยายามกดดันให้ธนาคารออมสิน สนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งต้องจัดวงเงินกู้ให้รัฐบาล และต้องทำระบบ IT ให้ แต่เรื่องก็เงียบหายไป ธนาคารออมสินสามารถเอาตัวรอดไปได้ ออมสินไม่ต้องรับภาระให้เกิดความเสียหาย และก็ไม่ทำให้ใครต้องเสียหน้า 

ช่วง 5 ปีนี้ ในแวดวงการเงินไม่ได้ยินข่าวว่า ธนาคารออมสินต้องเข้าไปสนับสนุนสินเชื่อโครงการขนาดใหญ่ (หลายพันล้านบาท) ของรัฐบาล หรือ ของคนใกล้ชิดรัฐบาลเลย ต่างจากสมัยก่อนที่ผ่านไปไม่กี่ปีก็เกิดเป็นหนี้เสียมากมาย

ในทางตรงกันข้าม ธนาคารออมสิน สมัยนี้ เป็น social bank ที่เน้นเพื่อสังคมอย่างจริงจัง (ไม่ต้องเสียเงินโฆษณาปีละหลายร้อยล้านบาท จัด events แข่งกับธนาคารพาณิชย์เหมือนสมัยก่อน) คุณวิทัย สามารถเจรจาให้กระทรวงการคลัง ยอมลดกำไรที่ต้องนำส่ง เพื่อทำโครงการช่วยคนตัวเล็กตัวน้อย ให้มีทางออกจากหนี้นอกระบบ ช่วยแก้ไขหนี้สินภาคประชาชนและ SSMEs หลายล้านคน โดยเฉพาะในช่วงโควิด

คุณวิทัย สามารถซื้อใจคนออมสินกว่าสองหมื่นคน ให้เปลี่ยนจากมุ่งหากำไร ไปเป็นธนาคารเพื่อสังคมได้ ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เลย

คนทั่วไปคงไม่ค่อยรู้ด้วยว่า ธนาคารออมสิน ในสมัย คุณวิทัย ได้เข้ามาทุบตลาดจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ จนทำให้ดอกเบี้ยที่เคยสูงถึง 28% ลดเหลือ 18-20% สร้างความปั่นป่วนให้สถาบันการเงินหลายแห่งที่เคยผูกขาด ในขณะที่ธนาคารออมสิน ก็สามารถบริหารจัดการได้ดีมีกำไร (ถ้าคุณวิทัยได้เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติ อาจจะเห็นปรากฏการณ์ทำนองนี้อีกก็ได้)

ที่กลัวกันว่า ถ้าหาก คุณวิทัย ได้เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติคนต่อไปจะต้องอยู่ใต้อาณัติพรรคเพื่อไทย ก็คงจะไม่จริง เพราะ คุณวิทัย ได้ดีจากสมัยท่าน นายกฯ ประยุทธ์  รัฐมนตรีอภิศักดิ์ แต่งตั้ง คุณวิทัย เป็นเลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ (กบข) ในปี 2561 และ รัฐมนตรีอุตตม แต่งตั้งให้ คุณวิทัย เป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในปี 2563 ไม่เห็นว่า เคยมีประวัติช่วงไหนที่สนิทสนมกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย

ผมถามย้ำอีกครั้งว่า ถ้าเลือกได้เพียงคนเดียว ระหว่าง คุณรุ่ง กับคุณวิทัย ท่านผู้ใหญ่กลุ่มนี้อยากได้คนไหนเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติคนต่อไป 

คำตอบที่ได้รับตรงกันว่า “อยากได้สองคนบวกกันแล้วหารสอง”

บทความโดย..."เด็กข้างวัง"