จาก“พิ้งกี้ Forex 3D” สู่ “BITKUB & PROEN”

25 ส.ค. 2565 | 21:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** ช่วงนี้ใจคอ เจ๊เมาธ์ ไม่ค่อยดี เห็นแต่ข่าวถูกหลอก ถูกโกง หลอกเงินกันง่ายๆ ให้ไปลงทุนในตลาดหุ้น ลงทุนอัตราแลกเปลี่ยน ไปจนถึงลงทุนในเหรียญคริปโต ข่าวออกมาไม่เว้นแต่ละวัน...ทำเอาหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
 

ล่าสุดศาลอาญาไม่ให้ประกันตัว ดาราสาวชื่อดัง พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช รวมถึงคุณแม่และพี่ชายพิ้งกี้ หลังจากพนักงานอัยการสำนักอัยการคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้อง กิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช อายุ 41 ปี จำเลยที่ 1 พิงกี้-น.ส.สาวิกา ไชยเดช อายุ 36 ปี ดารานักแสดง นางแบบชื่อดัง จำเลยที่ 2 สรินยา ไชยเดช อายุ 63 ปี มารดาของพิ้งกี้ กับพวกรวม 19 คน ในคดีแชร์ Forex-3D เป็นจําเลย ฐานกระความผิดโดยทุจริต โดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกง จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าหลายพันล้านบาท  
 

เหตุเพราะมีข้อมูลอันเชื่อได้ว่าทั้ง 3 เกี่ยวข้องกับคดีแชร์ลูกโซ่ FOREX-3D เนื่องจากมีมูลอันเชื่อได้ว่า กิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช พี่ชายพิ้งกี้ ได้มีการชักชวนแม่กับน้องมาร่วมลงทุนในลักษณะการทำงานแบ่งหน้าที่กันทำ เช่น เป็นผู้ร่วมลงทุน ผู้ชักชวน หรือ แม่ข่าย เป็นต้น เนื่องจากพี่ชายของพิ้งกี้เป็นกรรมการบริหารและถือหุ้น 45% ในบริษัทแห่งนี้ 
 

คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับมาดูแลตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากมีผู้เสียหายมากถึง 9,824 คน รวมมูลค่าความเสียหายถึง 2.5 พันล้านบาท โดย “ศาลฯพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ข้อหามีอัตราโทษสูง ค่าเสียหายตามฟ้องมีจำนวนมาก กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว จำเลยอาจหลบหนีได้”

เอาเป็นว่า เมื่อการตัดสินคดียังไม่ถึงที่สุด เจ๊เมาธ์ก็ไม่อยากจะบอกว่าพิ้งกี้น่าสงสาร...หรือสมควรโดนนะคะ เจ๊เมาธ์ก็แค่อยากจะบอกว่า เมื่อความโลภและเงินบังตา มันก็ทำให้คนทำได้ทุกอย่างก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ

 

*** คดี “พิ้งกี้ Forex-3D” ยังไม่ทันจาง คดีใหม่ “นัตตี้เทรดหุ้น ที่ตั้งตัวเป็นโคช เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดหุ้น” แรงกว่าอีก เพราะเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ที่มีผลประโยชน์มหาศาล ความเสียหาย ไม่เป็นน้องรองพิ้งกี้ ดาราสาวไม่ เพราะเธอทั้งสวยและสาว เป็นยูทูปเปอร์ชื่อดัง ไปโฆษณาชักชวนผู้คนมาฝากเงินกับนาง เพื่อให้นางนำเงินไปลงทุน ให้ผลตอบแทนสูงๆ 20-60% ซึ่งเป็นการโฆษณาชวนเชื่อแบบเดียวกัน 
 

คดีนัตตี้ มีคนหลงเชื่อ เพราะต้องการได้ผลตอบแทนที่ดีในตลาดหุ้น อยากเป็น “คนรวย ฉันรวย” ลงทุนแล้วกำไรในพริบตา เหมือนคำโฆษณาชวนเชื่อ โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น ที่มักได้ยินหรือเห็นข่าวกันบ่อย ๆ ว่า นักลงทุนมีชื่อเสียง เสี่ยนั้น เจ๊นี้ เซียนพระ กำไรหุ้น เป็นกอบกำ ดีกว่านั่งส่องพระ 
 

คำพูดเหล่านี้ ปลุกเร้าให้นักลงทุนหน้าใหม่ เข้ามาชิมลางการลงทุน ผ่านคอร์สลงทุนต่างๆ ที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ ของผู้สอน สุดท้ายก็ไม่ต่างกับ “พิ้งกี้ ดาราสาว” เพียงแต่คอร์สที่เปิดสอน มาในรูปแบบของการให้ความรู้ เชียร์ ยกหุ้นที่ตัวเองถือไว้ต้นทุนต่ำๆไปขายสูงๆ ให้ปลาซิว-ปลาสร้อย ที่เข้ามาลงทุนปลายไม้แล้ว จะเห็นว่า มีหน้าใหม่ตลาดหุ้นกี่คน ที่เข้ามาแล้วโกยเงินจากตลาดหุ้น 
 

ในทางกลับกัน ถ้าการลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นง่ายดาย ผลตอบแทนหรือกำไร 4-5 เท่าตัว ป่านนี้ เจ้าสัวและคนค่อนประเทศ ไม่ต้องทำมาหากินกันล่ะ ให้เห็นการแบ่งชั้น-คนรวยล้นฟ้า กับคนเดินดิน กินมาม่า....  
 

*** คดีของ “นัตตี้” เน็ตไอดอลมีการกล่าวอ้างถึงโบรกเกอร์ด้วยนะ ว่าเงินที่นำไปลงทุน ยังเบิกกับโบรกเกอร์ไม่ได้  แล้วโบรกเกอร์ที่ว่านี้ มีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ก.ล.ต. นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว รีบตรวจสอบด่วน ก่อนไฟจะลามทุ่ง เพราะขณะนี้มีการชักชวนลงทุนในตลาดหุ้น แอบอ้างชื่อคนดัง บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก กรณีล่าสุดก็จาก “นัตตี้” ลากมาถึงโบรกเกอร์ได้อย่างไรไม่มีใครรู้ แต่ก.ล.ต.ควรเข้าไปดูแลนะเจ้าค่ะ
 

*** พลันที่ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ครั้งที่ 15/2565 มีมติให้ SCBS ยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้นใน บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (“BITKUB”) จาก บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ Bitkub คิดเป็นมูลค่า รวมประมาณ  17,850 ล้านบาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. 2565  ผลที่ตามมา ราคา KUB ร่วงผล็อยทันที 25-28% จากที่เคยถือครองกันในราคา 560-600 บาท ก่อนหล่นมายืน 80-90 บาท วิ่งเตาะแตะที่ 54-56 บาท เม่ารุ่นหนุ่มสาวติดดอยกันทั้งบาง....
 

*** จุ๊ๆๆ อย่าเอ็ดไปนะจ๊ะ เจ๊ว่า กลิ่นโชยกรุ่นของ KUB ช่างเกี่ยวพันกับกรณีของ PROEN กับ Bitkub เหลือเกิน เพราะดูเหมือนว่าจะมีอะไรแปลกๆ ซ่อนให้ต้องดมกลิ่นตุๆ กันอยู่...
 

ล่าสุดทาง PROEN ประกาศขอใช้สิทธิยกเลิกสัญญาและขอยกเลิกการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำร่วมกับ Bitkub โดยผู้บริหารของ PROEN ยืนยัน ไม่ขาดทุน และไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ เนื่องจากยังไม่ได้ลงทุนแต่อย่างใด มันดูเป็นอะไรที่ทำให้เจ๊เมาธ์งงไม่หายจริงๆ เจ้าค่ะ
 

เพราะการลงทุนใน KUB Coin ในจำนวน 250,000 เหรียญ นับจากวันที่ประกาศการลงทุน (25 ก.พ. 65) ขณะที่ราคาKUB Coin ยืนราคาอยู่ที่ 285 บาทต่อ 1 เหรียญ มาจนถึงวันที่ประกาศยกเลิกการลงทุน (17 ส.ค. 65) ซึ่งราคาอยู่ที่ 90 บาทต่อ 1 เหรียญ คิดส่วนต่างที่หายไปมีมากถึง 195 บาท แต่ผู้บริหารของทาง PROEN บอกว่า ไม่มีผลขาดทุนมันดูแปลกมากเกินไปแล้วค่ะ
 

คำถามคือ...การที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า มีการร่วมลงทุนกับทาง Bitkub แต่เมื่อทิศทางการลงทุนไม่เป็นไปอย่างที่คิดก็มาบอกว่า “ไม่ได้ลงทุน” มันคืออะไร ??? 
 

ขณะเดียวกันตลาดฯ หรือ ก.ล.ต. เคยเข้าไปตรวจธุรกรรมในรูปแบบนี้หรือไม่ หากไม่มีการลงทุนจริงแต่ทางตลาดฯ กลับไม่รู้เรื่อง...มันหมายความว่า อย่างไร หรือว่าทั้งหมดที่ทำไปเป็นเพียงแค่...เกมการปั่นราคาหุ้น “สับขาหลอก” ใครรู้บ้าง...ใครก็ได้ช่วยตอบที เจ๊เมาธ์อยากรู้แค่นี้เองเจ้าค่ะ แล้วก.ล.ต.-ตลาด ไม่อยากรู้บ้างเหรอเจ้าค่ะ 

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,813 วันที่ 28 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565