คริปโตเคอร์เรนซี ดาบแสนคม (จบ)

10 ก.ค. 2565 | 03:50 น.

คริปโตเคอร์เรนซี ดาบแสนคม (จบ) บทความโดย... ผศ.ดร.ชนวีร์ สุภัทรเกียรติ, ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์, ผศ.ดร.ภัทเรก ศรโชติ คณาจารย์สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อันตรายจริงๆ  ของคริปโตเคอร์เรนซีในปัจจุบัน (และอีกหลายปีในอนาคต)

 

สิ่งที่อันตรายที่สุดของคริปโตเคอร์เรนซีคือ การที่คนจำนวนมากเข้ามา “เล่นคริปโตฯ” หรือ “เล่นดาบแสนคม” เล่มนี้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีความชำนาญอย่างแท้จริง  ซึ่งคล้ายๆ กับการที่เราเห็นเด็กคนหนึ่งเอาของมีคมมาเล่นกับเพื่อน ซึ่งคงเป็นภาพที่คิดแล้วน่าจะสร้างความกังวลให้กับทุกๆ คนอย่างไม่น้อย 


ในปัจจุบันคนจำนวนมากซื้อคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อการลงทุน โดยหวังว่าราคาของคริปโตเคอร์เรนซีจะมีมูลค่าสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตามมูลค่าของเหรียญจะสูงขึ้นได้ จะมีเพียงกรณีเดียวก็คือ มีคนที่มีความต้องการซื้อและถือเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น เนื่องจากเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีนั้นไม่มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทน เช่น เงินปันผล และไม่สามารถนำไปบริโภคหรือใช้ทำประโยชน์อื่นๆ ได้ 

การลงทุนในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี เป็นการคาดการณ์ว่า จะมีเงินใหม่ไหลเข้ามาในตลาดเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เงินเก่า และเนื่องจากจำนวนคนที่สนใจซื้อเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีมีจำกัด ในที่สุดแล้วราคาเหรียญคริปโตก็จะไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ตลอดเวลา และอาจจะถึงจุดอิ่มตัวเมื่อไหร่ก็ได้ 


นอกจากนี้ราคาของเหรียญคริปโตเคอร์เรนซียังมีความผันผวนมากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่นที่นักลงทุนนิยมเช่น การลงทุนในหุ้นค่อนข้างมาก และที่สำคัญงานวิจัยของ Phiromswad และคณะ (2021) ยังตรวจพบวันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง (Jump) ในราคาของเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มากกว่า 27 ใน 123 วันที่ทำการศึกษาซึ่งเป็นปริมาณที่ค่อนข้างสูง 

อันตรายอีกประการหนึ่งของคริปโตเคอร์เรนซี คือ การที่หลายคนคิดไปเองว่าตนสามารถเก็งกำไรในการชื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้ และหวังว่าวิธีนี้จะเป็นวิธี “รวยทางลัด” โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งของ Delfabbro และคณะ (2021) ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร “Journal of behavioral addictions” ซึ่งเป็นวารสารชั้นนำของโลกในด้านพฤติกรรมเสพติด ได้กล่าวถึงพฤติกรรมของผู้ที่ชื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีในเชิงจิตวิทยาว่า มีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่เหมือนกับการพนันออนไลน์ (Online Gambling) หรือนักเก็งกำไรรายวัน (Day Trader) 


เช่น การคิดไปเองว่าตนสามารถควบคุมผลลัพธ์ (Illusion of Control) ของการชื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้ ซึ่งคนเรามักจะคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าตอนที่สามารถทำกำไรได้จากการพนัน การเก็งกำไรรายวัน หรือการชื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีนั้นเป็นผลมาจากความสามารถในกลยุทธ์ของตนเอง แต่ในขณะที่ขาดทุนกลับไม่โทษกลยุทธ์นั้นและกลับคิดไปเองว่าปัจจัยภายนอกเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดทุน 


อีกประเด็นที่สำคัญคือ ผู้ที่ถือเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีอยู่แล้ว จะมีแนวโน้มที่อยากจะชักชวนให้ผู้อื่นเข้ามาถือเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น ทั้งในแบบบริสุทธิ์ใจที่อยากแบ่งปันสิ่งที่ตนคิดว่าดีให้กับผู้อื่น หรือทั้งแบบไม่บริสุทธิ์ใจที่อยากให้คนอื่นเข้ามาซื้อเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น เพื่อให้ราคาเหรียญที่ตนถืออยู่มีมูลค่าสูงขึ้น โดยใช้สื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เป็นเครื่องมือในการสร้างกระแสความนิยมของคริปโตเคอร์เรนซีที่สามารถกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง 


สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ถูกเรียกว่า “ความกลัวตกกระแส (แต่ไม่กลัวเจ็บ)” (Fear of Missing Out: FOMO) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เวลาคนเราเห็นคนอื่นมีความสุข มีความสนุก หรือกำลังได้รับประโยชน์อะไรบางอย่าง เช่น ถูกรางวัลลอตเตอรี่ ชนะพนัน ได้กำไรจากการเก็งกำไรรายวัน หรือได้กำไรจากการชื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี ก็อยากที่จะได้รับความสุข ความสนุก หรือประโยชน์อย่างที่คนอื่นๆ เขาได้กันบ้าง และมีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้มากขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดจะต้องเจ็บตัวจากการเข้าร่วมกิจกรรมนี้


การลงทุนในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี เป็นการใช้เงินใหม่เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เงินเก่า ประกอบกับการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ยังไม่มีการกำกับควบคุม ดังเช่น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าอาจจะมีกลุ่ม “เงินเก่า” ระดับใหญ่ ที่บางคนเรียกว่า “เจ้ามือ” หรือ “วาฬ” ที่เป็นกลุ่มคนที่ถือเหรียญบางเหรียญไว้เป็นจำนวนมาก มีความตั้งใจที่จะสร้างกระแสและโฆษณา หรือ “ปั่น” เพื่อดึง “เงินใหม่” จากนักลงทุนรายเล็กที่มักจะถูกเรียกว่า “แมงเม่า” ให้มีความต้องการซื้อเหรียญนั้นๆ เพิ่มมากขึ้นและดันราคาเหรียญให้มีราคาสูงขึ้น 


แต่เนื่องจากเงินใหม่หรือจำนวนคนที่มีความต้องการเหรียญมีจำกัด สุดท้ายแล้วราคาเหรียญก็จะไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ ถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งเจ้ามือก็จะเทขายทำกำไร ได้รับผลกำไรอันสวยงาม ในขณะที่นักลงทุนรายเล็กทั้งหลาย ต่างก็ต้องรับการขาดทุน ดังเช่นการ “หนีตาย” ที่เกิดขึ้นกับเหรียญ Luna ไม่นานมานี้ที่เหรียญมีมูลค่าลดลงถึง 99% ในสองวัน 


ดังนั้น ผู้ที่ซื้อคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อการลงทุนจะต้องพึงระวังเอาไว้มากๆ ว่า เมื่อถึงจุดอิ่มตัวที่ไม่มีผู้ซื้อใหม่หรือเงินก้อนใหม่เข้ามาซื้ออีก มูลค่าของเหรียญจะหยุดและไม่ขึ้นสูงได้อีก
+อนาคตของคริปโตเคอร์เรนซี
ของมีคมทุกชนิดต่างๆ ก็มีทั้งประโยชน์และโทษ ยิ่งคมมากก็ยิ่งต้องมีความระมัดระวังในการใช้อย่างมาก เช่นเดียวกันกับคริปโตเคอร์เรนซี ที่สามารถมองได้ว่าเป็น “ดาบแสนคม” ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้สังคมส่วนรวมได้รับประโยชน์มากกว่าโทษ จากนวัตกรรมทางการเงินชนิดนี้ 
อย่างเช่น การกำกับดูแลการโฆษณาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเหมาะสมเพื่อให้ประชาชนทุกคนทราบทั้งประโยชน์และโทษของนวัตกรรมนี้อย่างรอบด้าน การโฆษณาที่อาจจะกระทบกับกลุ่มเปราะบางเช่น เด็กและเยาวชน การเร่งให้ความรู้แก่ประชาชนถึงข้อควรระวังต่างๆ โดยเฉพาะความผันผวนของราคาคริปโตเคอร์เรนซี การบริหารความเสี่ยงทางการเงินส่วนบุคคลไม่ให้ใช้เงินทั้งหมดที่มีหรือกู้ยืมเงินมาเล่นคริปโตเคอร์เรนซีจนหมด การประชาสัมพันธ์ข่าวด้านลบของผู้ที่หมดตัวจากคริปโตเคอร์เรนซีให้กว้างขวางเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเสพแต่ข่าวดีเพียงด้านเดียว 
การบังคับให้ผู้ลงทุนทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนการลงทุนในเหรียญคริปโต การควบคุมดูแลโฆษณาที่ขัดแย้งกับหลักการที่กล่าวข้างต้นโดยเฉพาะโฆษณาที่สื่อว่าการมีความรู้ ความชำนาญ และความเข้าใจในความเสี่ยงของคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น การกำกับดูแลธุรกรรมต่าง ๆ ของคริปโตเคอร์เรนซีที่สามารถสร้างผลเสียมากกว่าผลดีต่อสังคม เช่น การหลอกลวง การโจรกรรมทางดิจิทัล การจงใจ “ปั่นราคา” หรือแม้แต่ผลกระทบในเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมจากคริปโตเคอร์เรนซี เพราะเราทุกคนไม่ควร “ประมาท” ถ้าไม่อยากถูกบาดด้วย “ดาบแสนคม”
 
อ้างอิง
Akhtaruzzaman, M., Sensoy, A., & Corbet, S. (2020). The influence of Bitcoin on portfolio diversification and design. Finance Research Letters, 37. https://doi.org/10.1016/j.frl.2019.101344
Bouri, E., Lucey, B., & Roubaud, D. (2020). Cryptocurrencies and the downside risk in equity investments. Finance Research Letters, 33. https://doi.org/10.1016/j.frl.2019.06.009
Delfabbro, P., King, D. L., & Williams, J. (2021). The psychology of cryptocurrency trading: Risk and protective factors. Journal of behavioral addictions, 10(2), 201-207.
Goodell, J. W., & Goutte, S. (2021). Diversifying equity with cryptocurrencies during COVID-19. International Review of Financial Analysis, 76. https://doi.org/10.1016/j.irfa.2021.101781
Phiromswad, P., Chatjuthamard, P., Treepongkaruna, S., & Srivannaboon, S. (2021). Jumps and Cojumps analyses of major and minor cryptocurrencies. PloS one, 16(2), e0245744.
Urquhart, A., & Zhang, H. (2019). Is Bitcoin a hedge or safe haven for currencies? An intraday analysis. International Review of Financial Analysis, 63, 49–57. https://doi.org/10.1016/j.irfa.2019.02.009