ใครต้องการคาสิโน?

13 ธ.ค. 2564 | 06:00 น.

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor ) ชั้นแนวหน้า

ข่าวการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเปิดคาสิโนของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะ “ไม่ร้อนแรง” เท่าไรเมื่อเทียบกับอดีตย้อนหลังไปน่าจะเป็นหลายสิบปีที่มีความพยายามจะจัดตั้งคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย  ซึ่งทุกครั้งก็จะถูกต่อต้านจากกลุ่มบุคคลหลายฝ่ายจนรัฐบาลต้องถอยไปทุกครั้ง  เหตุผลนั้น  ผมคิดว่าคนไทยทุกวันนี้อาจจะไม่ได้สนใจการเข้าไปเล่นการพนันถูกกฎหมายแบบในอดีตมากมายแล้ว  สังคมไทยในปัจจุบันนั้น  ผู้คนสามารถเล่นการพนันแบบ “ไม่ผิดกฎหมาย” หรือตำรวจไม่สามารถจับได้อย่างมากมายตั้งแต่การเล่นหุ้นปั่น พนันฟุตบอล   เล่น “พนันออนไลน์” แบบเกมในคาสิโนสารพัดชนิด  และสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นการพนันในยุคโควิด-19 ที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง “บ้าคลั่ง” ก็คือ  การเล่นเหรียญคริปโตสารพัดชนิดที่มีคน “เปิดพอร์ต” หรือเล่นกันมากกว่า 1.7 ล้านบัญชีและมีเงินที่เข้าไปซื้อขายหรือ “เล่น” แต่ละวันเป็นหลายพันหรือถึงกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งในความคิดหรือความรู้สึกของผมก็คือ  นี่คือ  “การพนัน” แบบไม่ผิดกฎหมาย  ดังนั้น  “นักพนัน” ที่ไหนจะสนใจคาสิโน?  ที่ผมกำลังคิดว่าอาจจะอยู่ในช่วงที่จะถูก Disrupt หรือถูกทำลายในเร็ว ๆ  นี้

 

 

 

 

คนจำนวนมากอาจจะบอกว่าการซื้อขายคริปโตหรือเหรียญต่าง ๆ นั้นไม่ใช่การพนันแต่เป็นการลงทุนในธุรกิจหรือในทรัพย์สินดิจิทัลที่กำลัง “เปลี่ยนโลก” ซึ่งเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ  จะเรียกว่าเป็นการพนันที่ไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งดี ๆ ได้อย่างไร  ข้อนี้ผมคงไม่เถียง  ว่าที่จริงผมก็ไม่รู้ว่าคริปโตตัวไหนจะเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น  ผมเพียงแต่รู้ว่าคริปโตส่วนใหญ่นั้นในที่สุดก็คงจะ “เจ๊ง” ไป  คืออาจจะแทบไม่มีค่า  ราคาตกลงไปใกล้ศูนย์บาท  คริปโตบางตัวซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยมากก็อาจจะยังมีค่ามหาศาลเพราะมีคนใช้ประโยชน์ได้จำนวนมากในอนาคต  แต่สิ่งที่ผมไม่รู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ  มันจะมีค่ามากกว่าราคาในวันนี้หรือไม่  พูดง่าย ๆ  ก็คือ  ถ้าเราลงทุน  เราอาจจะไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างมีโอกาสถูกต้องสูงว่าคริปโตตัวไหนจะขึ้นหรือลงในระยะยาว  สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบันก็คือ  าคาของคริปโตส่วนใหญ่จะขึ้นลงรุนแรงและเร็วมากขนาดที่ว่าภายในเวลาเพียง 2-3 เดือน  ราคาอาจจะขึ้นได้เป็น 100% หรือลงมา 50%  ได้  ดังนั้น  คนที่เข้าไปซื้อขายแบบ “เทรด”  อาจจะขาดทุนและกำไรได้มหาศาลเช่นเดียวกับ  “การพนัน” อย่างอื่นที่ไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งดี ๆ แก่โลกเลย
 

มุมมองของผมเองในฐานะของ “VI” นั้น  นิยามเรื่องการลงทุนของผมก็ตามสิ่งที่ เบน เกรแฮม  “บิดาแห่ง VI” บอกก็คือ  “การลงทุนคือกิจกรรมที่เมื่อผ่านการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วจะสามารถรับประกันถึงความปลอดภัยของเงินต้นและผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ  อะไรก็ตามที่ไม่เข้าเกณฑ์นี้ก็คือการเก็งกำไร” 
 

นอกจากนิยามนี้แล้ว  ต่อมาก็มีนักคิดอย่าง จอห์น โบเกิล  “บิดาแห่งกองทุนอิงดัชนี” ที่บอกว่าการแยกแยะระหว่างการลงทุนและการเก็งกำไรน่าจะดูระยะเวลาของการลงทุนเป็นหลักด้วย  โดยที่การลงทุนระยะสั้นก็คือการเก็งกำไรและการลงทุนระยะยาวก็คือการลงทุน  ซึ่งก็แน่นอนว่า  เขาบอกว่าเราควรลงทุนมากกว่าเก็งกำไร  โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนรวมอิงดัชนีที่ซื้อแล้วถือยาวและทยอยซื้อตลอดช่วงเวลาด้วยวิธีการ “Dollar Cost Average” ซึ่งจะ “การันตี” ว่าได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอย่างแน่นอน

 

ผมเองเชื่อในหลักการของทั้งสองกูรูข้างต้น  นั่นก็คือ  การลงทุนนั้นเราต้องคิดและประเมินได้ในระดับที่มีความมั่นใจสูง  ในขณะเดียวกัน  เชื่อว่าในช่วงระยะเวลาอันสั้นนั้น  ตลาดมีความผันผวนสูง  ราคาหุ้นอาจจะไม่สะท้อนพื้นฐานเลย   ดังนั้น  ถ้าจะลงทุนจะต้อง  “มองยาว” และก็มักจะต้องถือยาว  การซื้อแล้วตัดสินใจขายในเวลาอันสั้นนั้นต้องเป็นกรณีพิเศษจริง ๆ  และโอกาสผิดพลาดก็มักจะสูง  เพราะนั่นคือการ “เก็งกำไร”  ส่วนเรื่องที่ว่าเวลายาวเท่าไรถึงจะเป็นการลงทุนหรือสั้นแค่ไหนถึงจะเป็นการเก็งกำไรนั้นก็เป็นเรื่องของ “ดีกรี” ที่แต่ละคนก็คงนิยามไม่เหมือนกัน  แต่สำหรับแต่ละคนแล้ว  ยิ่งถือสั้นก็คือเก็งกำไรมาก  ถือยาวมากขึ้นเท่าไรก็จะเป็นการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น

 

“การพนัน” นั้น  สำหรับผมมันก็คือการเก็งกำไรในรูปแบบที่สูงที่สุด การวิเคราะห์และการประเมินมีโอกาสผิดพลาดมากที่สุด  เพราะบ่อยครั้งมันเป็นการประเมิน  “แข่ง” กับคนอื่นหรือคือเล่นกับคนอื่นที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม  นอกจากนั้น  ยังมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมและเกี่ยวกับ  “โชค” ของแต่ละคนด้วย  นอกจากเรื่องของการวิเคราะห์แล้ว  การพนันก็มักจะมีความผันผวนของผลตอบแทนที่สูงมากถึงสูงที่สุด  เวลาได้อาจจะได้มากเป็นหลาย ๆ  เท่า  แต่เวลาเสียก็อาจจะเสียหมดในเวลาอันสั้น  ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ  การพนันนั้น  มักจะมี  “เจ้ามือ” ที่จะมี “แต้มต่อ” ที่ได้เปรียบคนเล่นอื่นซึ่งในระยะยาวแล้วก็มักจะได้กำไรมากกว่า “คนเล่น” อย่างแน่นอน

           

ข้อสรุปก็คือ  การลงทุนในทรัพย์สินอะไรก็ตาม  เราก็ควรจะต้องวิเคราะห์และเข้าใจว่าเรากำลังลงทุน  เก็งกำไร  หรือกำลังเล่นการพนัน  โดยการวิเคราะห์สิ่งนั้นอย่างถี่ถ้วนรวมถึงประวัติการซื้อขายและราคาของหลักทรัพย์นั้น  ถ้าดูแล้วเราสามารถเห็นพื้นฐานของการเติบโตของผลประกอบการหรือเห็นพื้นฐานในแง่ของการเป็นเครื่องมือหรือทรัพย์สินที่คนต้องการใช้ในอนาคตอย่างชัดเจนและสามารถนำมาประเมิน “มูลค่า” ที่แท้จริงของมันได้อย่างค่อนข้างเที่ยงตรงและมีความมั่นใจสูงว่ามูลค่านั้นสูงกว่าราคาปัจจุบันมากพอสมควร  แบบนี้เราก็อาจจะบอกว่านี่เป็น  “การลงทุน” และถ้าถือยาว  ก็มีโอกาสสูงที่เราจะได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ

 

ถ้าพบว่าความแน่นอนในการคาดการณ์หรือประเมินของเรานั้นต่ำ  โอกาสผิดพลาดสูง  แต่ถ้าถูกต้อง  มูลค่าของกิจการหรือทรัพย์สินนั้นก็อาจจะสูงมาก  ถ้าเราเข้าไปลงทุนก็อาจจะรวยไปเลย  หรือแม้ว่าเราอาจจะประเมินไม่เป็นเลยหรือไม่รู้ว่าจะถูกต้องแม่นยำแค่ไหน  แต่เราคิดว่ามีคน “เชื่อ” ว่า  กิจการหรือทรัพย์สินนั้นจะต้องดี  เป็นหรือจะมี  “อนาคต” ที่สดใสมาก  และดังนั้น  พวกเขาก็จะเข้ามาซื้อและทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกมาก  ดังนั้น  เราก็ควรจะเข้าไปซื้อก่อนและรอขายให้กับคนที่จะเข้ามาซื้อต่อ  แบบนี้ก็จะเป็นการ “เก็งกำไร” ซึ่งก็มักจะซื้อแล้วก็ขายในระยะเวลาอันสั้น  เมื่อ “ได้กำไร” ทำให้ราคาขึ้นลงผันผวนมาก  ว่าที่จริงหุ้นหรือทรัพย์สิน “เก็งกำไร” ก็มักมีพฤติกรรมราคาแบบนี้  คือขึ้นลงมากเป็นรอบ ๆ และมีคนเข้ามาซื้อขายมากมายในแต่ละวัน  ถ้าเราจะเล่น  มีอะไรที่คนอื่นไม่รู้หรือไม่คิด  เรามีความได้เปรียบคนอื่นอย่างไรเช่น  เรามีกลุ่มหรือแก๊งที่ช่วยกันลากราคาหรือ “Corner” หุ้นได้ไหม?  เป็นต้น

 

ในหลายกรณีซึ่งรวมถึงการซื้อขายเหรียญคริปโตนั้น  ความไม่แน่นอนจะสูงมาก ตัวอย่างเช่น  เรื่องของเทคโนโลยีที่ยังค่อนข้างใหม่  ความไม่แน่นอนของระเบียบและกฎเกณฑ์ของรัฐที่สามารถชี้เป็นชี้ตายเหรียญส่วนใหญ่ได้ นอกจากนั้น  การที่โลกหรือประเทศจะยอมรับนำมาใช้อย่างกว้างขวางก็ยังไม่ปรากฏ  ทำให้พื้นฐานของทรัพย์สินดิจิทัลไม่มีความชัดเจนเลย  การประเมินมูลค่าสำหรับผมแล้ว “ทำไม่ได้” แน่นอนว่ามีโอกาสที่มันจะมากและยิ่งใหญ่แบบ  “เปลี่ยนโลก”  ได้  แต่ก็มีโอกาสที่มันจะ  “แป็ก” และเหรียญนั้นก็แทบจะ “ไร้ประโยชน์” ดังนั้น  การคาดการณ์มูลค่าที่แท้จริงในระยะยาวจึงทำแทบไม่ได้  ราคาในระยะสั้นนั้นถูกกำหนดด้วยคนที่เป็น “นักเก็งกำไร” โดยเฉพาะในยามที่ต้นทุนเงินลงทุนต่ำมากและมีล้นเหลือ  การเข้าไปเล่นเราต้องคิดว่านี่คือ “การพนัน” ที่อาจจะไม่ได้ต่างจากการเข้าไปเล่นในคาสิโนแต่มันสนุกกว่ามาก  เพราะเล่นได้ตลอดเวลาด้วยเม็ดเงินน้อยนิด  นอกจากนั้น  เวลากำไร  บางทีก็ทำให้รวยไปเลยก็ได้  ข่าวคนเล่นด้วยเงิน 1 หมื่นบาททำกำไรได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ 1-2 เดือนกลายเป็น 1 แสนบาทนั้นกระจายไปในหมู่นักเล่นอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้คนยิ่งแห่เข้ามาเล่นมากขึ้นในขณะที่คนขาดทุนอีก 8-9 คนอาจจะไม่มีใครรู้เลย  และนี่ก็ทำให้เหรียญเหล่านี้เป็นที่นิยมในหมู่  “นักลงทุนหน้าใหม่” มหาศาล

 

ผมคิดว่าในรอบนี้  การเปิดคาสิโนในประเทศไทยคงจะสำเร็จ  และแน่นอนก็คงมีคนเข้าไปเล่นกันพอสมควรโดยเฉพาะ “คนรุ่นเก่า” ที่ไม่ได้คุ้นเคยกับการเทรดเหรียญคริปโต  พวกเขายังคุ้นเคยกับการเล่นโป้กเกอร์  โยกสล็อตแมชีน  และเกมอื่น ๆ  ที่ตนเองมีส่วนตัดสินใจในแต่ละรอบที่รู้สึกสนุกตื่นเต้น ได้ลุ้นด้วยการใช้เงินเพียงเล็กน้อย  แต่สำหรับพวก “ฮาร์ดคอร์” ที่เล่นแบบเอาเป็นเอาตายแล้ว  ผมคิดว่าหลายคนน่าจะสนใจ “เทรดเหรียญดิจิทัล” ที่บ้านมากกว่า  และนี่ก็อาจจะเป็นเทรนด์ในอนาคตหลังโควิดที่อาจจะมาทำลายธุรกิจคาสิโนได้  คิดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงการ “เล่นม้า” ที่ครั้งหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนเป็นการพนันที่ “นักพนัน” เล่นกันมากแต่เดี๋ยวนี้แทบจะไม่สนใจกันแล้ว