กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรเดินหน้าปฏิวัติระบบการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย พร้อมยกระดับการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีด้วยการประยุกต์ใช้ Big Data และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย
นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้พัฒนาบริการดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่องกว่า 40 ปี จนปัจจุบันมีบริการอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจรสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีทุกด้าน และได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเชื่อมโยงระบบดิจิทัลเข้ากับการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีอย่างครบวงจร
"ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน กรมสรรพากรไม่เพียงแต่พัฒนาบริการของตนเอง แต่มุ่งกระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจโดยเฉพาะ Startup พัฒนาบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เสียภาษีแต่ละกลุ่ม" นายปิ่นสายกล่าว พร้อมเน้นย้ำว่า กรมสรรพากรกำลังปรับบทบาทจากผู้พัฒนาระบบ (Developer) มาเป็นแพลตฟอร์ม (Platform) ที่เปิดให้ภาคเอกชนสามารถเชื่อมโยงบริการที่ไว้วางใจได้และปลอดภัย
ความสำเร็จที่เห็นได้ชัดคือการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการที่จัดทำใบกำกับภาษีและใบรับในรูปแบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตกว่า 7 เท่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อระบบดิจิทัลของกรมสรรพากร
ควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการดิจิทัล กรมสรรพากรได้ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการยกระดับการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี ผ่านการบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง ได้แก่:
1. ข้อมูลธุรกรรมพิเศษจากสถาบันการเงิน - ด้วยการแก้ไขกฎหมายให้สถาบันการเงินนำส่งข้อมูลธุรกรรมลักษณะเฉพาะให้แก่กรมสรรพากร
2. ข้อมูลจากแพลตฟอร์มออนไลน์ - ผ่านการออกประกาศให้แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์จัดทำบัญชีพิเศษและนำส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากร
3. ข้อมูลจากการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ - ผ่านระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติกับกรมสรรพากรต่างประเทศ
4. ข้อมูลทรัพย์สินจากหน่วยงานอื่น - การเชื่อมโยงข้อมูลทรัพย์สินกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อติดตามรายได้ที่ไม่ได้เสียภาษี ไม่ว่าจะอยู่ในรูปเงินสด เงินฝาก หรือทรัพย์สินอื่นใด
กรมสรรพากรได้นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงของการไม่ปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีหรือการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีไม่ถูกต้อง โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ใบกำกับภาษีและจะขยายไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มขึ้น
"เรากำลังใช้ AI ในการวิเคราะห์รูปแบบการหลบเลี่ยงภาษีที่ซับซ้อน ซึ่งช่วยให้เราสามารถระบุความเสี่ยงและดำเนินการตรวจสอบได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น" นายปิ่นสายกล่าว พร้อมเสริมว่า กรมสรรพากรกำลังเตรียมเข้าร่วมเป็นสมาชิก Forum on Tax Administration (FTA) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการใช้ AI และข้อมูลในการจัดการเศรษฐกิจเงา (Shadow Economy)
สำหรับบริษัทข้ามชาติ (MNEs) กรมสรรพากรได้ยกระดับการติดตามการถ่ายโอนกำไร (Transfer Pricing) โดยใช้ข้อมูลจากรายงานข้อมูลรายประเทศ (Country-by-Country Reporting: CBCR) ร่วมกับข้อมูลอื่นๆ ที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับกรมสรรพากรต่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง
ขณะเดียวกัน กรมสรรพากรยังส่งเสริมให้บริษัทข้ามชาติทำข้อตกลงกำหนดราคาล่วงหน้า (Advance Pricing Agreement: APA) เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความแน่นอนในการเสียภาษี
การบูรณาการระหว่างการพัฒนาบริการดิจิทัลและการยกระดับการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีของกรมสรรพากร ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี แต่ยังสร้างความเป็นธรรมทางภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีทุกราย ทั้งผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางการคลังของประเทศในระยะยาว โดยช่วยให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย และได้รับรายได้ที่เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ
ก้าวต่อไปของกรมสรรพากรคือการมุ่งสู่ Tax Administration 3.0 ซึ่งจะฝังระบบภาษีเข้าไปในระบบที่ผู้เสียภาษีใช้ในธุรกิจหรือชีวิตประจำวัน เพื่อให้การจัดการภาษีไร้รอยต่อและลดภาระให้แก่ผู้เสียภาษี พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก