3 วิบากกรรม ดับฝัน“พิธา-ก้าวไกล”

04 มิ.ย. 2566 | 02:30 น.

3 วิบากกรรม ดับฝัน“พิธา-ก้าวไกล” : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,892

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,892 ระหว่างวันที่ 1-3 มิ.ย. 2566 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย

*** ณ เวลานี้ ยังไม่มีอะไรการันตีได้ 100% ว่า “พรรคก้าวไกล” ที่มีจำนวนที่นั่ง ส.ส. นำมาเป็นอันดับที่ 1 รวบรวมเสียงพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง จะเดินไปสู่จุดหมายปลายทางการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกล จะไปถึงฝั่งฝันในตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ได้หรือไม่ 

*** อย่างน้อย ๆ ขณะนี้มี “3 วิบากกรรม” ที่เป็นปัญหาอุปสรรคที่อาจจะทำให้ พรรคก้าวไกล และ พิธา ไปถึงจุดที่เป็น “รัฐบาลก้าวไกล” ได้ อุปสรรคแรก เป็นปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ระหว่าง ก้าวไกล กับ เพื่อไทย ที่แย่งชิงตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” กัน เพราะทั้ง 2 พรรค ต่างต้องการเก้าอี้นี้ไว้ เพื่อคุมเกมในการโหวตเลือกนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภา

หากเคลียร์กันไม่ลงตัว ก็มีโอกาสที่ เพื่อไทย จะไม่ไปต่อกับรัฐบาลก้าวไกล เมื่อขาดซึ่ง 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย “รัฐนาวาก้าวไกล” ก็เป็นอันต้องอับปางลงก่อนที่จะออกจากฝั่งเสียอีก รัฐบาลผสมที่นำโดยก้าวไกล ไม่สามารถขาดเพื่อไทยได้ เพราะไม่สามารถไปหาเสียง ส.ส.จากอีกฝากฝั่งมาเติมเพิ่มได้อีกแล้ว หลังเกิดกรณีพรรคชาติพัฒนากล้าขึ้น

*** วิบากกรรมที่ 2 เป็นอุปสรรคจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รัฐบาลก้าวไกลที่จัดตั้งขึ้นมี 312 เสียง ต้องพึ่งพิงเสียงของ ส.ว. อีก 64 เสียง ถึงจะได้376 เสียง ครึ่งหนึ่งของ 2 สภา (ส.ส. 500 + ส.ว. 250) ในการโหวตสนับสนุนให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ให้ได้ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 30 สำเร็จ

ปัญหาคือ ก้าวไกล จะได้รับเสียงสนับสนุนถึง 64 เสียงหรือไม่ คิดว่าเป็นเรื่องที่ “ยากมาก” และหากไปพูดถึงการรับรอง ส.ส. เพื่อให้เปิดประชุมสภาฯ และโหวตเลือกนายกฯ กันไปก่อน กฎหมายก็กำหนดให้ กกต.รับรองผลเลือกตั้งส.ส.ไปก่อนได้ 95% จาก 500 คน ก็คือ รับรองเพียง 475 คนก่อนก็ได้

ส่วน 25 คน ที่เหลือก็อาจอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน หรือ เรื่องที่อาจทำผิดกฎหมาย ถ้าเป็นดังนี้ จำนวน ส.ส. 25 คน ที่ยังไม่ประกาศรับรองก็อาจรวมอยู่ในจำนวน 312 เสียงฝ่ายรัฐบาลก้าวไกลด้วยหรือไม่ ซึ่งก็จะทำให้จำนวนเสียงที่ต้องพึ่งพิง ส.ว. มากขึ้นไปอีก ก็ยิ่งจะทำให้ “หืดหนัก” ขึ้นอีก

*** ไปดูวิบากกรรมที่ 3 เป็นเรื่อง “ถือหุ้นสื่อ” ที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูก 4 นักร้อง อย่าง เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ, ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย, สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน และ นพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ร้องเรียนและเร่งรัดให้ตรวจสอบ กรณีการถือครองหุ้นสื่อ บมจ. ITV จำนวน 42,000 หุ้น ของ พิธา ว่าเข้าลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ กกต. ก็ได้เริ่มเดินหน้าไต่สวน และรวบรวมพยานหลักฐานเรื่องนี้แล้ว 

*** สมมติเรื่องนี้ กกต.มีมติว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติจริง และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยที่ผลสรุปสุดท้ายออกมาว่า พิธา มีความผิด ก็จะส่งผลต่อการสมัคร ส.ส.ของ พิธา และ การรับรองผู้สมัครลง ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ทั้งหมดเป็น “โมฆะ” หรือไม่ ก็จะ “ดับฝัน” พรรคก้าวไกล และ พิธา ในการเป็นรัฐบาล และ นายกฯ ทันที

นอกจากนั้นอาจจะมี “เอฟเฟ็กต์” ตามมา ในข้อหารู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 ของพ.ร.ป.เลือกตั้งฯ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และ ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี หรือไม่  ...ทั้งหมดนี้คือ 3 วิบากกรรมที่ พรรคก้าวไกล และ พิธา จะต้องเผชิญ 

*** ไปปิดท้ายกันที่... “ครูเชาว์-เชาวลิต สาดสมัย” ครูอาสาศูนย์สร้างโอกาสสะพานพระราม 8 และครูผู้ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน วัดดาวดึงษาราม นำน้องๆ ก่อนวัยเรียน ร่วมกันเก็บผลผลิตผักปลอดภัย จากฝีมือการปลูกและดูแลของน้องๆ เพื่อนำไปปรุงเป็นอาหารกลางวัน โดยแปลงปลูกผักและเมล็ดพันธุ์ผัก ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา ร่วมกันปรับปรุงพื้นที่ด้านหลังศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนฯ เป็นแปลงปลูกผักปลอดสาร ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ร่วมส่งมอบกำลังใจเพื่อสนับสนุนการทำงานและความตั้งใจของครูเชาว์และทีมงาน ที่ร่วมกันดูแลเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และคนพิการใน 12 ชุมชนบริเวณสะพานพระราม 8 ณ ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน วัดดาวดึงษาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ