Robot ตัวช่วยทางการแพทย์ในอนาคต

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับไลน์จากเพื่อนชาวไต้หวันท่านหนึ่ง ท่านได้อ่านบทความของผม เกี่ยวกับการแพทย์แบบแม่นยำที่ผมเขียนไปทั้งหมด ท่านทราบว่าผมมีความสนใจเรื่องของ Precision Medicine ก่อนหน้านี้จึงได้เขียนไลน์มาคุยด้วยหลายครั้ง และในครั้งนี้ท่านได้เล่าถึงการแพทย์ที่ไต้หวันว่า ปัจจุบันนี้โรงพยาบาลในไต้หวันหลายแห่ง ได้นำเอาหุ่นยนต์(Robots) มาใช้ในทางการแพทย์เยอะทีเดียว และคาดว่าในอนาคตจะต้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจมาก เลยต้องขออนุญาตท่านว่า จะนำสิ่งที่ท่านเล่ามาเขียนต่อให้เพื่อนๆที่เมืองไทยได้ฟัง เอาแค่ฟังเป็นเรื่องของอนาคตสนุกๆเท่านั้นนะครับ ผมคงมิบังอาจนำมาเปรียบเทียบกับใครได้ครับ

การแพทย์ในไต้หวันปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก เขาได้นำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างที่ผมได้เล่ามาหลายตอนแล้ว มาช่วยให้ Precision Medicine มีการรักษาที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์คือ Robot หรือหุ่นยนต์นี่แหละครับ ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในหลายด้านของการแพทย์ ตั้งแต่การผ่าตัด ไปจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย หุ่นยนต์ทางการแพทย์ยังช่วยให้แพทย์สามารถทำการรักษาได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถลดข้อผิดพลาด ในการรักษาและเพิ่มผลสำเร็จของการรักษาได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

ในวงการPrecision Medicine หรือแพทย์แบบแม่นยำสิ่งที่สำคัญที่สุด คือผลของการรักษาจะต้องมีประสิทธิภาพสูง ลดภาระของแพทย์ และลดค่าใช้จ่าย แต่ต้องไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงและอันตรายได้ หุ่นยนต์ในทางการแพทย์จึงได้รับการพัฒนาไปมาก วัตถุประสงค์จริงๆของการพัฒนา ก็เพื่อลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา นี่คือเหตุผลหลักๆ การใช้หุ่นยนต์สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในหลายๆ กระบวนการ เช่น การผ่าตัด และการติดตามผลการรักษา ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด

หนึ่งในการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์ที่สำคัญที่สุดในวงการแพทย์ของไต้หวัน คือการผ่าตัด หุ่นยนต์ที่ใช้ในการผ่าตัด เช่น หุ่นยนต์ระบบการผ่าตัดทางไกล (Robotic Surgery System) ได้รับการออกแบบให้สามารถช่วยแพทย์ในการทำการผ่าตัดที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับสมอง หัวใจ หรืออวัยวะที่ละเอียดอ่อน หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถช่วยแพทย์ในการทำการผ่าตัดด้วยความแม่นยำที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดข้อผิดพลาด

ในโลกของทางการแพทย์ของไต้หวัน ปัจจุบันนี้หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดของการใช้หุ่นยนต์ในการแพทย์ คือ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University Hospital) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของไต้หวัน ได้เริ่มใช้ หุ่นยนต์ดาวินชี (Da Vinci Surgical System) มาใช้ในการผ่าตัดที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การผ่าตัดมะเร็งและการผ่าตัดในพื้นที่ที่มีความซับซ้อน หุ่นยนต์ดาวินชียังช่วยให้แพทย์สามารถทำการผ่าตัดผ่านการควบคุมจากระยะไกล โดยใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กและแม่นยำ ซึ่งลดการทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ซึ่งหุ่นยนต์ที่มีระบบการควบคุมที่มีความละเอียดสูง ทำให้แพทย์สามารถทำการผ่าตัดผ่านการควบคุมจากระยะไกลได้ โดยมีความแม่นยำในการทำงานที่สูง ทำให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ลดระยะเวลาในการพักฟื้น และลดการเจ็บปวดหลังการผ่าตัดได้ด้วย

หุ่นยนต์ไม่เพียงแต่ใช้ในการผ่าตัดเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรคด้วย ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ในการตรวจภาพทางการแพทย์ (Medical Imaging Robots) ซึ่งสามารถใช้ในการตรวจสภาพร่างกาย เช่น การสแกน CT Scan หรือ MRI เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถเห็นภาพภายในร่างกายของผู้ป่วยได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ

พอได้ฟังถึงตรงนี้ ทำให้ผมเห็นภาพที่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็มีการนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งที่ญี่ปุ่นหุ่นยนต์ยังมีบทบาทในการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย เช่น การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ หรือผู้สูงอายุที่มีภาวะอัมพาต โดยหุ่นยนต์ที่ใช้ในการฟื้นฟูสมรรถภาพ จะช่วยให้ผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัด หรือการฝึกฟื้นฟูร่างกาย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีสมรรถภาพการเคลื่อนไหวได้เหมือนเดิม

ในไต้หวันเขาได้นำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในเรื่องของการฟื้นฟูนานหลายปีแล้วเช่นกัน เท่าที่ทราบโรงพยาบาล Chang Gung Memorial Hospital ได้ใช้ หุ่นยนต์ช่วยเดิน หรือ Exoskeleton Robots มาใช้กับผู้ป่วยที่เป็นอัมพาต ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว แต่ในประเทศไทยเราเอง ก็มีการนำเอาหุ่นยนต์ลักษณะดังกล่าว มาใช้ในการฟื้นฟูผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์และอัมพาตด้วยเช่นกัน ซึ่งทาง “บ้านพักคนวัยเกษียณคัยโกเฮาส์” เราก็เคยส่งผู้ป่วยอัมพาตไปทำการฝึกเดินที่โรงพยาบาลปิยะเวทมาแล้ว ซึ่งก็ได้ผลที่ดีมาก จากคนที่ต้องนอนติดเตียง ใช้เวลาเพียงไม่ถึง7-8 เดือน ก็สามารถลุกขึ้นเดินด้วยตนเองได้แล้วครับ นี่คือตัวอย่างของหุ่นยนต์ที่ใช้ในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ซึ่งต้องขอขอบพระคุณโรงพยาบาลปิยะเวทเป็นอย่างสูง ที่ให้เราได้ใช้บริการหุ่นยนต์ช่วยเดิน (Exoskeleton Robot) ช่วยให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินได้ สามารถฝึกเดินได้อีกครั้ง ต้องอธิบายว่าการใช้หุ่นยนต์เป็นเครื่องช่วยในการเคลื่อนไหว การใช้หุ่นยนต์ช่วยเดินนี้ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทเพื่อฟื้นฟูการเดินในระยะยาวได้เป็นอย่างดีเลยครับ

จะเห็นว่าในอนาคตข้างหน้า เทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ ประเทศไทยเราก็ไม่ได้น้อยหน้าใครเขา เพียงแต่ค่าใช้จ่ายในการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ ทำอย่างไรจะให้ได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และคนทั่วไปเข้าถึงได้ นี่คือประเด็นที่ผมอยากจะฝากให้ทางรัฐบาลต้องนำมาคิดให้มากๆ นะครับ