ผู้สูงวัยกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

10 พ.ย. 2566 | 22:05 น.

ผู้สูงวัยกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้ร่วมคณะกรรมการบริหารของสมาคมจงหัวแห่งประเทศไทย 31 ท่าน เดินทางไปไต้หวัน ซึ่งอายุอานามรวมกันแล้ว น่าจะเกินกว่าสองพันปีปลายๆ ไปแล้วครับ ในการเดินทางครั้งนี้จากที่ผมได้พูดคุยกัน ก็พอจะทราบว่าผู้สูงวัยส่วนใหญ่ ท่านก็ไม่ค่อยจะระมัดระวังตัวกันสักเท่าไหร่ เพราะหลายๆ ท่านก็ฉีดวัคซีนกันค่อนข้างจะน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19 ระบาด จึงทำให้ระหว่างการเดินทาง หลายท่านก็เริ่มส่ออาการให้เห็นว่าจะไม่ค่อยดีนักครับ
      
เริ่มจากท่านแรก ระหว่างอยู่ที่ทะเลสาบซัน-มูนเลค ก็มีอยู่ท่านหนึ่งเกิดอาการตัวร้อน ไอ และเจ็บคอ ท่านก็คิดว่าจะต้องติดโควิดแน่ๆ ทำเอาเพื่อนที่นอนร่วมห้องตื่นตระหนกพอสมควร ผมจึงรีบไปหาซื้อชุดตรวจ ATK มาทำการตรวจให้ ผลออกมาว่าแค่ขีดเดียว ปลอดภัย ผมจึงให้ทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ไป หลังจากนั้นอีกหนึ่งวันเราเดินทางมาถึงเมืองเจียอี้  ท่านที่สองก็เริ่มมีอาการในลักษณะเช่นเดียวกัน ผมก็เลยต้องวิ่งหาซื้อชุดตรวจ ATK มาตรวจให้อีกครั้ง ครั้งแรกตอนที่อยู่ซัน-มูนเลคผมซื้อมาเพียงชุดเดียว ราคาชุดละหนึ่งร้อยหยวนไต้หวัน ก็ราวๆ ร้อยสิบบาทไทย ในใจก็นึกว่าทำไม ATK จึงแพงจัง เพราะบ้านเราชุดละไม่กี่สิบบาท แต่คราวนี้ผมตัดสินใจซื้อแบบชุดใหญ่ที่บรรจุ 10 ชุดมาเลย ปรากฏว่าแพงกว่าครั้งแรกอีก คือตกชุดละสองร้อยหยวน ทำให้คิดว่าสงสัยที่ไต้หวันเริ่มไม่มีคนซื้อชุด ATK ใช้กันแล้ว ราคาถึงได้แพงมาก

การตรวจหาเชื้อโควิดให้แก่คณะ ก็ไม่เจอใครติดเชื้อโควิดเลย ยิ่งพอพวกเรามาถึงเมืองเกาสง คณะเราก็เริ่มมีอาการตัวร้อน ไอ และเจ็บคอกันมากขึ้น คราวนี้จึงทำให้ผมเริ่มเชื่อมั่นว่า น่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่มากกว่าเป็นอาการโควิด-19 แล้วละครับ แต่ก็ไม่อยากกระโตกกระตากให้ใจเสียกัน เพราะเรากำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้วในวันรุ่งขึ้น ซึ่งพอตกกลางดึกคืนนั้น เพื่อนร่วมห้องผมก็มีอาการนี้เช่นกัน เพราะเขาบอกว่ามีอาการเหมือนจะเป็นไข้ ตัวร้อนแล้ว ผมก็จึงให้ทานยาพาราเซตามอลบรรเทาอาการไปก่อน ตื่นเช้าขึ้นมา เพื่อนอีกท่านหนึ่ง ซึ่งท่านนี้น่าจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในคณะเรา ก็มาขอให้ผมช่วยตรวจ ATK ให้ ผมก็ได้แต่ปลอบใจและตรวจให้ตามความต้องการ 

จากนั้นก็ให้ทานยาลดไข้เหมือนทุกคน แต่ท่านนี้ไม่ยอมทานยาลดไข้ เพราะท่านคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก แต่ขณะที่อยู่บนเครื่องบินระหว่างเดินทางกลับ อาการของท่านก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเครื่องบินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จึงต้องรีบส่งตัวท่านไปยังโรงพยาบาลทันที และต่อมาในวันถัดๆ มา ก็มีคนในคณะฯ เริ่มทะยอยเข้ารักษาในโรงพยาบาลอีกหลายท่านเลยครับ แม้ว่าผมจะได้ฉีดวัคซีนแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นวัคซีนอะไร ผมก็จะต้องเสาะหามาฉีดเสมอ ดังนั้นครั้งนี้ถึงจะโดนหางเลขไปด้วย แต่ก็ไม่ค่อยจะหนักหนาสาหัสเหมือนคนอื่นๆ ครับ

อาการของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้ได้เริ่มระบาดไปทั่วแล้ว ซึ่งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นโรคติดต่อระหว่างคนสู่คน เริ่มพบที่ประเทศเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้แพร่ออกไปอีกหลายประเทศ รวมถึงไต้หวันและประเทศไทยด้วย ลักษณะของอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการ หลังจากได้รับเชื้อไวรัส 1–3 วัน อาการของผู้ป่วยจะใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วไป เช่น มีอาการเป็นไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไอ และเจ็บคอ  บางคนก็อาจจะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน เห็นอาหารแล้วไม่อยากจะทาน 

ซึ่งในกลุ่มที่เดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้ ก็จะมีอาการเช่นนี้ตลอดเวลาเกือบทุกคนที่ป่วย ซึ่งผู้ป่วยบางคนก็จะมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการไม่รุนแรง ก็จะหายป่วยได้โดยไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการจะเริ่มทุเลาและหายป่วยภายใน 5 – 7 วัน แต่บางรายที่มีสภาพร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็อาจจะมีอาการปอดอักเสบ บางคนที่อาการรุนแรงมากๆ ก็จะพบว่าหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบากได้ครับ
            
การแพร่เชื้อของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ มักจะติดต่อโดยเชื้อไวรัสที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย แพร่ติดต่อไปยังคนอื่นๆ โดยการไอหรือจามใส่กันแบบโดยตรง หรือบางคนหากอยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร ก็อาจจะหายใจเอาฝอยละอองที่มีเชื้อไวรัสนี้เข้าไป บางรายได้รับเชื้อโดยทางอ้อม เช่น ผ่านมาทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น แก้วน้ำที่ผู้ป่วยดื่มก่อนหน้า โดยคนที่ใช้แก้วใบเดิมดื่มต่อแต่ไม่ได้ล้างแก้วให้สะอาดก่อนจะดื่ม  หรือการใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดมือที่มีผู้ติดเชื้อใช้ก่อนหน้านี้ 

ดังนั้นเราจึงต้องควรระวังเรื่องของการใช้ภาชนะต่างๆ ที่เป็นของสาธารณะ ต้องไม่ลืมว่าเชื้อไวรัสตัวนี้ สามารถกระจายได้อย่างรวดเร็วมาก ส่วนใหญ่เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทาง จมูก ตา ปาก จากนั้นเชื้อไวรัสนี้จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 1-3 เท่านั้นครับ
        
วิธีการป้องกันก็ควรจะมีการฉีดวัคซีน ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถหาฉีดได้ง่ายมากจากโรงพยาบาลทั่วไป และควรจะต้องพยายามล้างมือให้สะอาดเสมอ อย่าลืมเรื่องกินร้อนช้อนกลางเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ