Classic Brunch มาควิน่า คาเฟ่

08 ต.ค. 2566 | 04:08 น.

Classic Brunch มาควิน่า คาเฟ่ คอลัมน์อิ่ม_โอชาฯ โดย Joie de La Cuisine

กระเดี๋ยวจะกลายเปนว่าชวนท่านชิมแต่ร้านเก่าร้านแก่ ไม่มีร้านทันสมัยอัพเดตเอ็กซ์ตราวาเกนซ่าเสียบ้างเลย อันนี้ ก็จะให้ทำอย่างไรได้สไตล์ร้านอาหารหวือๆหวาๆมันไม่ใคร่จะยั่งยืนนี่ขะรั่บกระผม
 
อย่างไรก็ดีก็ต้องควรกราบเรียนมายังคุณๆที่รักว่า งานเขียนคอลัมน์อิ่ม_โอชาฯตลอดมา 212 ตอนนี้ เปนการเน้นสไตล์กับข้าวคลาสสิกเสียมากกว่า
 
อ้า กับข้าวคลาสสิกมันไม่ได้แปลว่าเก่านะขอรับ_ใต้เท้าบรรณาธิการบริหาร! มันแปลว่าอะไรบางอย่างที่ใช้ได้ และใช้ได้ดีตลอดกาลเวลา

ก่อนนี้ไปเรียนหนังสือ อาจารย์ฝรั่งท่านยกตัวอย่างว่านี่ ‘classic case’ ไอ้เราก็นึกว่าเคสเก่า ท่านศาสตราจารย์ว่าเก่าก็จริง แต่อนาคตก็จะเจอเหตุการณ์อย่างกรณีที่ยกให้ฟังนี่เกิดขึ้นอีก เปนเรื่องใช้ได้ตลอดไป
 
อันว่าข้าวเช้าคลาสสิกของยุโรปนั้นได้เขียนกำนัลท่านผู้อ่านไปมากแล้ว เกิดวันนี้มีอาการตื่นสายก็ได้เวลาท้องร้องตอนจะเพล_ผิดเวลากิน สมควรได้หาของอร่อยมาแก้หิวผิดเวลา รวบมื้อเช้า(breakfast)กับมื้อกลางวัน(lunch)เข้าด้วยกัน เปน brunch ตามอย่างฝาหรั่งมังค่า เมาเหล้าเวลากลางคืนต้องตื่นสายๆเพราะแฮงก์ฯ 55
 
ที่โรงแรมเล็กๆทันสมัยแห่งหนึ่งตรงฝั่งธน ชื่อว่า cascade ยังมีเชฟหนุ่มผู้หนึ่งชื่อสพล คนบางแค ได้ดึงเอาความclassic กับความบรั้นช์ มาไขว้กัน เขาผู้นั้นประจงจัดเมนูวิเศษวันเวลามาบริการที่ห้องอาหาร : ไก่ทอดตำรับเก่า (old school) วางทับหน้าวอฟเฟิลขนมรังผึ้งฝรั่งฟูกรอบรองด้วยไข่ข้น scramble เข้าครีมสด มีผักหยิกผักหอมนิดวางสุ่มมา กินกับน้ำเชื่อมต้นเมเปิ้ล และ น้ำเกรวี่รสเข้มลึก ชื่นใจ

อ้อจะให้เข้มกว่านั้นเขามีดั๊ก กงฟี น่องตะโพกเป็ดเปื่อยทอดหนังกรอบ เปลี่ยนแทนไก่ก็ได้
 
ขนมเส้นเขามีหลายจาน เส้นพาสต้าแองเจิ้ลแฮร์ผมนางฟ้า แกเอาผัดมะเขือเทศแห้ง ลูกเคเปอร์ กระเทียมสุกลูกโตๆ แล้วแต่งเค็มด้วยแองโชวี่ ชุบแป้งทอด โรยพาสลี่ย์และพริกเกล็ด ใส่น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ หอมหวน
 
ไหนจะเส้นแบนอื่นๆ เส้นบางทำคาโบน่าร่าแท้ เทียบกันจะจะ กับอัลเฟรโด้ในตำนานพอร์คช็อป เปนคัทดังเดิม ทอดผิวแล้วอบ ราดเกรวี่กินกับมันอบ แตงซุคินิอบ เคียงก้านเห็ดหอยนางรมจี่น้ำมัน รับประทานกับบราวน์มัสตาร์ด และ มันบด mash potato หอมเนยสด ได้รสกรึ่บกรับ น่าหวั่นไหว ให้บราวน์มัสตาร์ดมากินคู่ไม่อั้น
 
เชิญคุณเชฟมาว่านึกอย่างไรเอาของตำราเก่าโอลสกูลมาทำขายให้คนอย่างอาชื่นใจ สพลว่า เรียนวิชามาจากดุสิตธานีนี้เอง สำเร็จแล้วท่องไปเปนเชฟโรงแรมต่างๆ จะยี่สิบปี มาวันนี้ปลื้มใจว่าของตำราตำรับคลาสสิกมันเปนของงดงามตาสมัยกาลเวลา กินเมื่อไรก็อร่อยชุ่มใจเมื่อนั้น (comfort food for your soul) ว่างั้น
 
ในเวลาเดียวกันก็ทวิสต์หรือไขว้เอากับของใหม่ทันสมัยสุด อย่างว่าเครื่องดื่มน่ะครับคุณอา ลองเปนชาเขียวมัจฉะวิปครีมแต่งด้วยสตอเบอรี่สดอมเปรี้ยวอมหวานสักหน่อยเปนไรมีกินกับแพนเค้กหน้าผลไม้รวม
 
อ่ะนาทีนี้ก็ขอชวนท่านไปชิม มื้อ“เชี่ยง” = เช้าปนเที่ยง กันที่ “คาเฟ่ มาควิน่า” ณ โรงแรมคาสเขต ตีนสะพานสาทรฝั่งธน กันสักวันครับ

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 หน้า 18 ฉบับที่ 3,929 วันที่ 8 - 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566