ประดิษฐ์ปัญญา ฉากที่ 12

09 มี.ค. 2567 | 00:00 น.

ประดิษฐ์ปัญญา ฉากที่ 12 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ โดย... ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล ฉบับ 3973 หน้า 6

ไฮไลท์หนนี้ “สาวิตรีชงประชันพระยมราช” ขอค้ำประกันข้ามภพชาติว่าอึกทึกในอกหลังจากได้อ่าน!

ผมเคย แซววาที อยู่คราวหนึ่งว่า ศึกษา คือ การทำสมาธิไม่ให้สมองเพี้ยน จะได้ลอกเลียนภูมิปัญญาคนรุ่นเก่าเอามาศัลยกรรมใหม่แปลงสาส์นให้น่าสนใจแล้วเอามาปล่อยให้ อ่าน ดู ฟัง ก๊อปปี้ อย่างมีคุณภาพ (ฮา) ก่อนจะเอามือลูบผิวหน้ารู้สึกว่ามันจะหนาคล้ายผิวถนน สงสัยว่าถนนคงจะดัดแปลงหน้าตาผมให้มันสอดคล้องกับถนน โทษฐานที่มีใบหน้าอดทนคล้ายๆ ถนนสุรวงศ์ (ฮา)

วันนี้ชี้เป้ากันตรงๆ ว่าข้อเขียนบทนี้น่าจะมีชื่อว่า  “กริ๊บมากข้อยลากยาว” (ฮา) อ่านวรรณคดีเรื่องนี้แล้วซูฮก เนื้อหาสุดจะคลาสสิก ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า ผู้แต่งทรงพระนามว่า “มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” เป็น พระราชนิพนธ์ความเรียง ผมจึงพยายามเรียงอย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะไม่ได้ความ เพราะว่าพื้นที่คอลัมน์นี้กว้างไม่พอ

จึงขอเล่าเลียนแบบ บทคัดเกือบจะย่อ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดอดโทษต่อข้าพระพุทธเจ้า น้อมเกล้า ขอบพระทัย และ ทรงพระเจริญ สำหรับผู้แวะมาดูทุกท่าน ใครไม่เอาขึ้นมาอ่านก็ขอให้ถูกเลขท้ายสามตัว ใครอ่านกันถ้วนทั่ว ขอให้ถูกรางวัลที่หนึ่งตรงกับเลขที่ผมซื้อ! (ฮา)

สาวิตรี เดินทางหลายเมืองเพื่อหาคู่ชีวิต ครั้นเมื่อได้ยินเสียงตัดไม้ เธอ ก็แอบดู เห็นหนุ่มรูปงามกำลังเถียงกับนางยักษ์ที่เข้ามาจีบ ชวนไปหลับนอน หนุ่มผู้นั้นบอกกับ นางยักษ์ ว่า ความอายเป็นคุณสมบัติของสตรี หญิงใดไม่มีคุณสมบัตินี้ก็ควรที่จะลาจากไป 

ถ้อยคำนี้ทำให้สาวิตรีปลื้มจิต ยังไม่ทันจะได้ทักทาย เสือตัวบึ้กโผล่มาไล่กวดเธอ เขาจึงขว้างขวานเข้าที่คอเสือ คนกักขละที่เคยจีบ สาวิตรี ชื่อ “มาดัน” ดันมายิงธนูเข้าที่หลังเสือ เมื่อหนุ่มเดินใกล้ชิด สาวิตรี อ้ายมาดัน ก็พูดจาด่าทอ สาวิตรี เขาจึงต่อสู้ปกป้องเธอ สาวิตรีก็รู้สึกรักเขามากขึ้น 

เขาบอกเธอว่าเขาชื่อ พระสัตยวาน เป็น บุตรของอดีตมหาราชจันทราเซน ตกลงปลงใจกันปุ๊บ จู่ๆ พระยมราช ก็บอก พระฤาษี ให้มาส่งข่าวกับ พระสัตยวาน ว่า “นับจากนี้ไป 1 ปี” เขาจะสิ้นอายุขัย สาวิตรี ยังคงตัดสินใจเข้าพิธีสมรส ไม่สนใจคำทัดทาน 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า สาวิตรี จะลงทุนถือศีลตัดรอนเวรกรรมสักเพียงใด งานนี้ ก็ฉุดรั้งไว้ไม่อยู่ พระยมราช ท่านเข้ามารับวิญญาณของพระสัตยวาน ใจหายก็ใจหาย แต่ไม่หายใจไม่ใช่สาวิตรี

เธอออกติดตามจนถึงแม่น้ำเวตาล ขอพร “พระแม่กามเทนุ” ให้ช่วยพาข้ามไปแดนของผู้วายชนม์ พระยมราชเห็นใจก็ให้โอกาสว่า “เจ้าขอพรได้ 1 ข้อ เว้นแต่ชีวิตของสามี” (1)

สาวิตรี ขอดวงตาให้พ่อแม่ ขอพระสัตยวานแลเห็นเป็นปกติ เธอขอพร “พระแม่กาลี” ท่านให้ “ตรีศูล” ช่วยพาข้ามแดน พระยมราช บอกเธอว่า “มีแต่ เทวดา กับ ผู้ทรงฤทธิ์ เท่านั้น ที่ขึ้นสวรรค์ได้” สาวิตรี ไม่เปลี่ยนใจ พระยมราช จึงต่อรองกับเธอ “เจ้าขอพรได้ 1 ข้อ เว้นแต่ชีวิตของสามี” (2) เธอขอ บัลลังก์ คืนให้ พ่อ แม่ ของ สามี           

สาวิตรี ขอพร “พระแม่ลักษมี” ท่านให้ “ดอกบัว” นำพา สาวิตรี ข้ามโลกสวรรค์ไป พระยมราช ต่อรองกับเธออีกว่า “เจ้าขอพรได้ 1 ข้อ เว้นแต่ชีวิตของสามี” (3) สาวิตรี ร้องขอให้เธอมีลูก 100 คน พระยมราช ให้พรแล้วเดินทางต่อ                                    ประดิษฐ์ปัญญา ฉากที่ 12           

สาวิตรี ขอพร “พระแม่สุรัสวดี” ท่านจึงให้ “หงส์” ไปส่งถึงถิ่นยมโลก พระยมราช บอกกับ เธอ ว่า “ที่นี่คือยมโลก เจ้าเข้าไปไม่ได้ ข้าให้พรเป็นกรณีพิเศษอีก 1 ข้อ เว้นแต่ ชีวิตของสามี” (4) เธอก็กล่าวว่า “ท่านให้พรข้ามีลูกถึง 100 คน ถ้าปราศจากสามีแล้วข้าจะตั้งท้องได้อย่างไร!” (ฮา)

พระยมราช ยิ้มแบบไม่มีซาวด์แทร็ค หันพระพักตร์มาสบตาสาวิตรี ด้วยท่าทีอันสงบ ท่านคืน วิญญาณของ พระยาสัตยวาน ให้กับ สาวิตรี ด้วย ความปราณี และ ความมีเหตุผล

พระยาสัตยวาน คล้ายกับ ก๊วยเจ๋ง ก๊วยเจ๋ง เจอกับ อึ้งย้ง ครั้งแรก เห็น อึ้งย้ง แต่งตัวซอมซ่อก็เลื้ยงมื้อออกเดท อึ้งย้ง ลองใจล้มทับสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ไม่ถึงตายแต่หัวใจจะวาย ถ้าตังค์ไม่พอชำระค่าอาหาร 

อึ้งย้ง จึง ประทับใจในความมีน้ำใจของ ก๊วยเจ๋ง “เทพบุตรเซราะกราว” พระยาสัตยวาน ก็ใช่ย่อย กล้าสู้กับเสือที่มันพุ่งพรวดฉับพลัน จึงช่วยป้องกัน สาวิตรี ดอกแรกเอาไว้ได้ ดอกสอง สามารถบล็อก “มาดัน” เอาไว้ไม่ให้ละเมิด
สาวิตรี ระหว่าง สาวิตรี : ชีวิตยังอยู่ดี กับ อึ้งย้ง : ได้หม่ำมื้อเลิศรสดี มันดีกันคนละแบบ

ผู้ให้ที่ดี จักเป็นผู้มีจิตดี…

ผู้มีจิตดี จักเป็นผู้ได้ที่ดี…

ผู้ได้ที่ดี จักเป็นผู้ให้ที่ดี…

สาวิตรี ปฏิบัติธรรมช่วยสามีตลอดปี ตามไปงอนง้อต่อรองกล้าลองของถกกับ พระยมราช ในมุกท้ายสุด “ไม่มีปั๋วแล้วจะมีลูกร้อยคนได้ไง” เป็นมวยรอจังหวะที่แย็บด้วยฌาณญาณได้แบบไม่ขาดไม่เกิน ระหว่างทางก็เป็นหนี้บุญคุณเทพยดาอารักษ์ โชคดีที่ ท่านสาวิตรี เจอแต่ เทพยดา ผู้มีวุฒิภาวะ หาไม่แล้วก็คงจะรอดยาก!

อย่ามัวด่าว่าทำไมครูไม่สอนยังงี้ ในเมื่อสังคมเป็นยังงี้ ตัวเรานี่แหละ ที่จะต้องคิดให้ได้เอง เฉกเช่น ท่านสาวิตรี