พระทองคำหลังกบ

13 ส.ค. 2565 | 05:23 น.

พระทองคำหลังกบ คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

เมื่อกล่าวถึงพระทองคำในฉบับก่อนๆแล้ว ก็ให้นึกถึงว่าเมื่อสักสี่ปีมาแล้วมีบุรุษกลางคนนักเรียนบอสตันนำสร้อยทองพร้อมพระเลี่ยมทองพวงหนึ่ง มาขอให้สำนักสุวรรณรัตน์บางลำภูได้ตรวจสอบนัยยะว่าเปนสมบัติตกทอด
 

ในพวงนั้นมีพระทองคำหลายองค์ หนึ่งในนั้นมีรูปทรงแปลกประหลาด สัณฐานคล้ายพระหลวงปู่ทวดหลังหนังสือ ผิดแต่ว่าด้านหน้าเปนองค์พระพุทธทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ปางเรียกแม่พระธรณี ทว่ามีเครื่องทรงสังวาลย์ไขว้สองสาย พลิกด้านหลังปรากฏรูปนูนต่ำของกบแผ่สี่ขาอย่างในวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ แล้วมีตัวคาถาอย่างภาษาอื่นกำกับไว้ พร้อมทั้งมีโค้ตตัวเลขลำดับกำกับไว้

ลงกล้องส่องดูชัดในเนื้อทองคำตันสุกปลั่งนั้นเหมือนมีอำนาจพิศวงดึงดูดบางอย่างจึงลงมือค้นคว้าหาคำตอบว่าพระทองคำประหลาดนี้คืออย่างไรเชื่อว่าต้องเกี่ยวโยงกับหลวงพ่ออุตตมะ แห่งเมืองสังขละบุรีแน่เนื่องจากพระเครื่องอีกองค์หนึ่งในสร้อยทองคำชุดนั้นเปนรูปหล่อลอยองค์ทองคำระบุที่ฐานว่าพระราชอุดมมงคล 84 อันเปนสมณศักดิ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระโปรดพระราชทานถวาย พระอธิการเอหม่อง อุตตมะรัมโภ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ต.วังกะ อ.สังขละบุรี ที่ประดาลูกศิษย์ลูกหาขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งชาวมอญ และแล้วจึงได้พบกับคำว่า ‘พระบุเรงนองหลังกบ’
 

มาถึงบรรทัดนี้ก็ต้องท้าวความไปถึง สายวิชา ผู้ชนะสิบทิศครั้งในอดีตนานมา ที่ยุคอยุธยาพระนครกรุงศรีนั้น บรรพชนไทยไปรบก็นอกจากเสื้อยันต์ถักสักเนื้อตัวแล้วก็น่าอยู่หรอกจะพกพระ หลักฐานก็มีการขุดพบพระกรุเนื้อดิน อย่างพระกริ่งคลองตะเคียน พระขุนแผนใบเสมา พระยอดขุนพล พระโคนสมอ พระตาเถรขึงหนัง เปนการทั่วไปจะสร้างไว้สืบอายุพระศาสนาแต่เพียงอย่างเดียวคงจะน้อยไปอยู่  ฝ่ายล้านนาเก่าแก่ไปใหญ่มีพระรอดพระคง สร้างนานนมเปนพันปี ร้อยปีมานี้เชื่อถือกันว่าพกแล้วรอดภัยบ้างอยู่คงบ้างเปนมงคลแก่ตัว

อันพระเจ้าบุเรงนอง กะยอดินนรธา ก็เรียกว่าท่านเปนผู้ชนะสิบทิศ เวลานั้นพระบารมีถึงที่พระจักรพรรดิราช เหล่าทวยราษฎรพลเรือนพลรบไปรบทัพกรำศึกถวายงานจะไม่มีของวิเศษศักดิ์สิทธิติดตัวกันไปบ้างเชียวหรือ?
 

ตามที่ได้เล่าแล้วว่าหลวงพ่ออุตตมะนั้น ใช้ชีวิตบำเพ็ญกิจสงฆ์อยู่ท่ามกลางกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายที่ต่างก็เปนอริแก่กันในบริเวณตะเข็บชายแดนเวิ้งน้ำสามประสบ
 

คราวหนึ่งหลายสิบปีก่อนศิษย์กระหร่างของท่านที่ท่านเคยช่วยชีวิตเขายามเยาว์ และเขาเคยได้ช่วยชีวิตท่านยามเปนหนุ่มฉกรรจ์ ได้นำเรียนท่านว่า กองกำลังกู้ชาติของเขาได้ถูกกองกำลังรัฐพม่าไล่ล่าจนเข้าประชิดได้ เขานำกองกำลังลูกน้องทั้งหลายไปหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ทหารพม่าหมายจะกวาดล้างจึงกราดยิงด้วยอาวุธสงครามนานาชนิดก็ปรากฏว่าหัวกระสุนกองเกลื่อนกล่นเปนพันนัดอยู่หน้าถ้ำ หาได้สามารถทำอันตรายเหล่ากะหร่างผู้เวลานั้นสติใกล้จะแตกสลายในถ้ำได้เลย รอดตายมาได้จึงมาหาหลวงพ่อได้รดน้ำมนต์เสกเป่าเรียกขวัญ


 

หลวงพ่อผู้หยั่งรู้ได้ขอให้กระหร่างนั้นไปตรวจสอบดูในถ้ำให้ดี น่าเชื่อว่ามีอิทธิวัตถุบางประการเร้นอยู่ เขาผู้นั้นจึงได้ค้นพบ กรุพระเนื้อดิน ขนาดพอเหมาะข้างหลังเปนรูปกบจำนวนหนึ่ง นำขึ้นถวายหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อจบขึ้นเหนือศีรษะ รำพึงว่า ‘บะยินนอง’-บุเรงนอง
 

ลูกศิษย์ลูกหาจึงขนานนามพระดินนั้นว่า พระบุเรงนอง- หลังกบ
 

ทีนี้ดังได้เล่าถึงความนับถือของฝ่ายพม่ารามัญในบรมครูภูภูอ่อง แล คณะผู้สำเร็จไว้แล้วว่า เรื่องวิชาทางลึกลับของท่านผู้สำเร็จฝ่ายพม่านั้น ต้องยกให้บรมครูภูภูอ่อง ท่านผู้นี้ถือกันว่าเปนผู้วิเศษสำเร็จโลกียฌาณ ก่อนจะเข้าสู่โลกทิพย์ในอนันตกาลของเวลา คณะผู้สำเร็จของท่านประกอบด้วยทีมฆราวาส ทีมฤาษี ดาบส ผู้สำเร็จสายวิชาต่างๆกันไป รวมถึงพระอาจารย์ญาณรังสี เถราจารย์สมัยหงสาวดีด้วย คู่บารมีของท่านคือบรมครูโพมินอ่อง นับกันว่าสำเร็จวิชาปรอทเดินหนได้
 

พระบุเรงนองหลังกบนี้ ว่ากันว่าพระเจ้าบุเรงนองโปรดให้ท่านบรมครูสร้างขึ้นคุ้มภัยเปนกำลังใจเหล่าทหารจักรวรรดิพม่า
 

บรมครูและคณะสิทธาผู้สำเร็จเหล่านี้ได้ประกอบกุศลกิจเปนการทั่วไปในราชอาณาจักร ที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากองตามซุ้มต่างๆ ยังมีพระพุทธรูปศักดิสิทธิ์ซึ่งท่านเหล่านี้ได้สร้างไว้ถวายพระศาสนาอยู่หลายองค์ ไม่ว่าจะเปนพระปรอทศักดิ์สิทธิ ที่บรรจุปรอทสำเร็จที่ท่านอมไว้ในปาก หรือพระทองคำเนตรทับทิมที่เปนพระต้องห้าม ดังได้เล่าแล้ว 


 

ก็จะขอขยายความต่อว่าพระปฏิมาของทางพม่านั้นมีหลายสกุลช่าง ตัวอย่างเช่นพระมหามัยมุนีเปนพระสกุลยะไข่ แต่อย่างไรเสียถ้าว่าทรงเครื่องพระจักรพรรดิราช เปนพระพุทธรูปทรงเครื่องเเล้วไซร้ ในสไตล์พม่าต้องทรงเครื่องพระสังวาลย์ไขว้ เสมอไป
 

เรื่องนี้ได้พูดแล้วในการบรรยายพิเศษ ณ ย่างกุ้งว่า เจ้าพม่าทรงพระสังวาลย์ไขว้ เจ้าไทยทรงพระสังวาลย์เดี่ยว
 

ว่ากันว่าอีกว่า พระบุเรงนองหลังกบนี้ ด้านหน้าจำลองมาจากพระปฏิมาเนื้อนิ่ม พระมหามัยมุนีพันปี ที่ประดิษฐานอยู่ ณ อดีตราชธานีมัณฑะเลย์ ซึ่งเปนพระปฏิมาสำคัญสูงสุดในราชอาณาจักร ชาวพุทธพม่านับถือว่าได้รับพรพระราชทานจากสมเด็จพระบรมศาสดาให้มีลมหายใจเปนตัวแทนพระพุทธองค์ ชาวพม่ามีพิธีถวายน้ำสรงพระพักตร์ทุกเช้ามืดแต่ตีสามทุกวันติดต่อกันมาเปนร้อยๆปี
 

ส่วนกบในทางธรรมชาติวิทยาแล้วก็ต้องท้าวความอันว่ามนุษยชาตินั้นชอบฝน ด้วยว่าฝนนำมาซึ่งความอุดมและงอกเงยพืชผลธัญญาหาร ดังได้กล่าวเเล้วในเรื่อง rainmaker  อย่างไรก็ดีหากได้สังเกตที่กลองมโหระทึกเรียกฝน อันเปนแผ่นกลองโลหะมงคลในยุคโลหะ ก็จะพบกบอยู่สี่มุม


 

เชื่อว่าเปนด้วยอิทธิคุณของกบ เพราะว่า ฝนตกเพราะกบมันร้อง! บางคราวบางกลองใช้กบขี่กันอย่างว่าสังวาส แสดงให้เห็นว่าความพรั่งพรูอุดมสมบูรณ์ออกลูกออกหลานของพืชพันธุ์สัตว์พันธุ์ธัญญาหารมาพร้อมกับสายฝนพรั่งพรู
 

อิทธิคุณฝ่ายกบ ครูบาออ ไทยใหญ่ ที่เชียงดาว ดอยหลวงยังมีครูบาไทยใหญ่ชนมพรรษา 100 ปี เปนที่นับถือของเจ้ายอดศึกนามกรว่าครูบาออ ปัณฑิยะ ท่านผู้นี้มีตาข่ายสังวายล์คลุมรอบศีรษะ มีลักษณะอย่างขุนพันธรักษ์ราชเดช คือเปนเสนาผู้ใหญ่มาก่อน ศึกษาศาสตร์และรับเอาศาสตร์ลึกลับมาก่อน จนบั้นปลายใช้ชีวิตกับพระศาสนา ครูบาสร้างวัตถุมงคลประหลาด เช่น ตะกรุดแมวกินเสือ ด้วยว่าอิทธิคุณของแมวนั้นมากไทยใหญ่ว่าเเมวเปนครูสอนเสือมาก่อน ฝ่ายกบนั้นครูบาสร้างกบกินเดือน สำแดงอิทธิคุณของกบว่าปากกว้างนั้นสยบของสูงใหญ่อย่างเดือนดาราได้ครบสิ้น
 

การมาถึงของพระบุเรงนองหลังกบ ทองคำ 309
 

ข้างหลวงพ่ออุตตมะหลังจากได้รับพระกรุเนื้อดินบุเรงนองหลังกบแล้ว ท่านได้แจกจ่ายแก่ศานุศิษย์เปนการทั่วไป เหลือจำนวนที่ปรักหักพังท่านได้นำเปนมวลสารสร้างพระเนื้อดินขึ้นใหม่อีกหลายคราว เมื่อชนมายุ 7 รอบ ท่านได้จัดสร้างพระบุเรงนองหลังกบเนื้อโลหะขึ้นในโอกาสสำคัญเสวยอายุ
 

หลังจากได้พบกับพระนี้ที่สำนักสุวรรณรัตน์และทราบที่มาจากการค้นคว้าแล้ว เช้าวันหนึ่งไปพบแพทย์ตามนัดสุขภาพระหว่างรอพบที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ควานหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา จู่ก็ได้ติดมือมาเปนพ็อคเก็ตบุ้คบันทึกเรื่องราวของหลวงพ่อ รู้สึกสนเท่ห์ในใจ ด้วยบุพการีสองท่านทั้งพ่อและแม่มีประสบการณ์ตรงจากท่านช่วยรอดชีวิตจากเหตุสำคัญน่าตกใจหนึ่ง และด้วยจิตพะวงถึงพระทองคำที่ได้พบอีกหนึ่ง


 

แพทย์หญิงผู้อารี ก็ขอให้ร่วมมือแก่การรักษาด้วยการเจาะเลือดนิ้ววัดค่าน้ำตาลด้วยตนเองทุกวันเพื่อทำกราฟรายงานผลให้เธอทราบ ตกลงตามนั้นก็จึงได้ซื้อปากกาเจาะเลือดมาด้ามหนึ่ง
 

ตกค่ำไหว้สาครูอาจารย์แล้วก่อนนอนก็ตั้งอธิษฐานที่หัวเตียงว่า พระทองคำหลังกบนี้หากมีวาสนาจะขอได้ไว้บูชาเทอญ  รุ่งสายได้รับข้อความประหลาดจากสำนักสุวรรณรัตน์ถามไถ่ว่า สนใจพระทองคำหลังกบหรือไม่! พร้อมทั้งส่งรูปถ่ายหน้า_หลังมาให้ดู ประกอบค่าน้ำหนักทองคำตันนั้น
 

เหมือนดังแรงอธิษฐานเปนผล เจ้าของนักเรียนบอสตันจะเปลี่ยนมือสมบัติตกทอด ในค่าเช่าบูชาเกินค่าทองไม่ถึง 36%!
พระนี้ได้มาเเล้วรับท่านไวัที่หัวเตียงกว่าสามวัน ด้วยหาตลับที่เหมาะควรยังมิได้ 
 

เมื่อได้แล้วจึงอาราธนาลงสวมที่คอ ออกเดินทางไปสำนักงาน จากนั้นก็ได้พบเหตุประหลาดใจว่า ปากกาเจาะเลือดที่เคยเจาะปลายนิ้วได้เลือดเม็ดเป้งๆนั้น 
 

มาวันนี้เจาะทิ่มลงเจ็บจนมือสั่น ก็ไม่ได้เลือด เปนแต่เพียงสายละอองบางๆซึมๆไม่พอแก่การเข้าเครื่องมือวัด จงจะเจาะซ้ำลงโดยเปลี่ยนนิ้ว ง้างนกเข้าแล้วก็กดโป้งลง เจ็บนั้นยังเจ็บจนมือสั่น การณ์ก็เปนไปดังเดิม_ไม่ได้เลือด
 

งุนงงอยู่กับผู้ช่วยที่สำนักงานก็รฤกได้ว่าในคอมีพระบุเรงนองทองคำหลังกบนี้อยู่ จึงอาราธนาขอนำออกแล้วเจาะปากกาเข็มแหลมนั้นลงที่นิ้วเดิม เสียงสปริงลั่นตึ้ง เท่านั้นเองปวงเลือดเม็ดก็พรั่งพรูอย่างกะมีก็อกแรงดัน ก็นับเปนเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งในชีวิตคน


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,809 วันที่ 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565