ฟื้นเศรษฐกิจ ผ่านภาคอสังหาฯ

16 ก.ค. 2565 | 01:00 น.

บทบรรณาธิการ

ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความสำคัญสูงมากกับเศรษฐกิจไทย โดยมีสัดส่วนนํ้าหนักในจีดีพีประเทศสัดส่วน 8-12% มูลค่าสูงกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เป็นฐานรากทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หากอสังหาริมทรัพย์ขยับฟื้นตัวหรือขยายตัวได้ ภาพรวมเศรษฐกิจก็ขยับตัวได้ และที่สำคัญวงจรหรือห่วงโซ่อุปทานตลอดสายทางของธุรกิจอสังหาเกี่ยวข้องทุกองคาพยพ ถ้ารัฐบาลจะขยับในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นกลไกที่กระตุ้นและได้รับผลจากการกระตุ้นไปทุกภาคส่วนมากที่สุด
 

นักธุรกิจพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บุคคลที่เกี่ยวข้องในแวดวงต่างชี้ให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างกำลังซื้อ ปั่นหมุนครบวงจร ตั้งแต่แรงงาน การซื้อหาวัสดุอุปกรณ์ทุกชิ้น เหล็ก ปูน ไม้ กระเบื้องมุงหลังคา การซื้อขายอุปกรณ์ตกแต่งทุกชิ้นอันในบ้าน อุปกรณ์เครื่องครัว การจัดหาอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน การจัดการบริหารการขาย การจัดการแหล่งสินเชื่อ ระบบการเงินธนาคาร

สถานะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ อยู่ในภาวะซึมเซา แต่กำลังอยู่ในช่วงขยับฟื้นตัว รอจังหวะขยับโดยอาศัยกำลังซื้อจากต่างชาติ หลังสัญญาณเปิดประเทศ เป็นสัญญาณตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ส่วนใหญ่เป็นกำลังซื้อจากชาติยุโรป 60% แม้จะยังไม่เท่าเดิม ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด แต่เป็นโอกาสฟื้นกลับมาสู่ปกติ ขณะที่กลุ่มคนจีนกำลังซื้อหลัก แม้จะยังเดินทางเข้ามาไม่เต็มที่ แต่ยังมีความนิยมอสังหาฯไทยต่อเนื่อง โดยพฤติกรรมคนจีน ที่อยู่อาศัยในไทย มักจะซื้อพ่วงแพ็กเกจ ให้ความสำคัญกับสถานที่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลชั้นนำ ใกล้สนามบินนานาชาติ ทั้งรูปแบบ วิลล่าเฮ้าส์นอกจากคอนโดมิเนียม
 

มีข้อมูลจากการประมาณการธุรกิจอสังหาฯ มีสัดส่วนการซื้อของต่างชาติ 10-15% ขณะนี้ต้องยอมรับต่างชาติเป็นดีมานด์ถาวรของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งเป็นความต้องการซื้อที่มีมาต่อเนื่องในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลศูนย์อสังหาริมทรัพย์ไทยยืนยันว่ามีทรัพย์สินรอการขายใน 21 จังหวัด ทั่วประเทศจากการสำรวจมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลานาน ในการระบายสต๊อก การเปิดทางหรือผ่อนผันให้ต่างชาติถือครองทรัพย์สินได้สะดวกขึ้น อาจเป็นช่องทางหนึ่งในการช่วยระบายสต๊อก

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องมีมาตรการและเงื่อนไขควบคุม ป้องกันผลกระทบระยะยาว โดยอาจจะหาแนวทางการกำหนดโซนที่ชัดเจนในการให้ต่างชาติซื้อบ้านแนวราบและที่ดินในไทยได้ การที่รัฐบาลกำลังพิจารณาให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ หากนำเงินมาลงทุน 40 ล้านบาท และแช่เงินลงทุนนั้นไว้ 3 ปี จึงไม่ควรที่ทุกภาคส่วนออกมาปฏิเสธหรือตั้งข้อหาขายชาติเร็วเกินไป
 

การพิจารณาแนวทางต่างชาติซื้อสินทรัพย์ถาวรนั้นอาจเทียบเคียงกับบางประเทศ ก่อนเฟ้นหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เป้าหมายเพื่อฟื้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ควบคู่กับมาตรการดูแลกำลังซื้อภายในประเทศผสมผสาน เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ระบายสต๊อก สร้างใหม่ ฟื้นห่วงโซ่อุปทานทุกสินค้าเกี่ยวเนื่อง อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด