การพัฒนาบ้านผู้สูงอายุในจีน

15 เม.ย. 2565 | 22:30 น.

คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

     เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา แฟนคลับท่านหนึ่งซึ่งเป็นชาวจีนไต้หวัน ชื่อคุณลินดา เป็นผู้ที่ผมรู้จักมานานสามสิบกว่าปี และได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู้ในประเทศไทย ได้ไลน์เข้ามาคุยกับผมถึงเรื่องอนาคตข้างหน้า หากตนเองแก่ตัวไป คงต้องเสาะหาสถานที่พักอาศัยในยามบั้นปลายของชีวิต เธอบอกว่าตัวเธอเองไม่ได้ปฎิเสธบ้านพักคนวัยเกษียณ ขอเพียงเป็นสถานที่นั้นมีสิ่งที่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของชีวิตยามแก่เฒ่า สามารถสร้างความสุขใจหรือจรรโลงใจให้เธอได้ เธอก็พร้อมที่จะไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในสถานที่นั้น ตัวเธอเองก็เคยเดินทางไปดูบ้านพักคนวัยเกษียณที่ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว ก็เห็นว่าน่าอยู่มากๆ เพียงแต่คนที่มีสิทธิที่จะเข้าไปอาศัยนั้น ต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการเท่านั้น ดังนั้นคนที่ยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงเยี่ยงเธอ คงหมดสิทธิที่จะได้เข้าไปใช้บริการ อีกทั้งเธอยังส่งคลิปบ้านพักคนวัยเกษียณที่ประเทศจีนมาให้ผมดู ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจมากเลยครับ

     ผมเองเคยเห็นคลิปบ้านพักผู้สูงวัยในจีนมาแล้ว จากในไลน์ที่เพื่อนๆหลายท่านส่งต่อๆกันมาให้ดู ก็เห็นว่ามีความทันสมัยมากกว่าช่วงที่ผมไปดูงานเยอะ แต่คลิปใหม่ที่คุณลินดาส่งมานั้น มีวิวัฒนาการณ์มากกว่าเดิมเยอะมากครับ ต้องบอกว่าประเทศจีนนั้น เขาชอบทำสิ่งต่างๆที่เวอร์วังอลังการมากๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรือแม้แต่การพัฒนาในทุกๆด้าน จะต้องเป็นหนึ่งเดียวในโลกให้ได้เสมอ วันที่ผมได้เปิดดูคลิปนั้น ผมมีความสุขมากที่ได้เปิดหูเปิดตาใหม่อีกครั้ง และยังได้เห็นพี่น้องชาวจีนได้มีสถานที่น่าอยู่อาศัยในยามบั้นปลายของชีวิต ที่ไม่น้อยหน้าประเทศใดๆในโลกเลย

 

     คลิปที่ส่งมาให้มีทั้งหมดสองคลิป แต่หลังจากดูสองคลิปจากเมืองซูโจว หยางเฉินฮูและจากมหานครเซี่ยงไฮ้แล้ว ผมก็เลยเปิดดูคลิปอื่นๆต่ออีก 5-6 คลิป เรียกว่าเต็มอิ่มเลยครับ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ปรากฎต่อสายตานั้น ผิดไปจากเมื่อหลายปีก่อนที่ผมได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานมากเลยครับ ปัจจุบันนี้ที่นั่นได้มีกลุ่มทุนใหญ่ๆหลายกลุ่ม กระโดดเข้ามาสู่วงการบ้านพักผู้สูงวัยเยอะมาก เหตุผลหลักผมเชื่อว่า ปัจจุบันนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของที่นั่น ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะจากนโยบายของรัฐบาลจีน ที่พยายามไม่ให้มีการข้ามเขตมณฑล ไปซื้อหาบ้านหลังที่สองหลังที่สามอีกต่อไป เพราะจะทำให้มีการเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของประเทศเสมอ เป็นที่ทราบกันดีว่า ทุกครั้งที่มีปัญหาเศรษฐกิจล่ม ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศใดก็ตาม มักจะเกิดจากการแตกของฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ ซึ่งสาเหตุหลักมักจะมาจากอสังหาริมทรัพย์นี่แหละครับ ดังนั้นผู้ประกอบการในประเทศจีน ที่มีปัญหาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อีก จึงต้องหันมามองดูธุรกิจบ้านพักผู้สูงอายุกันมาก

     อีกเหตุผลหนึ่งคือ “นโยบายลูกคนเดียว” ของประเทศจีนเอง ก็เป็นปัญหาสืบเนื่องมาถึงยุคนี้แล้วครับ เพราะลูกคนเดียวจะต้องทำมาหาเงินมาเลี้ยงดูผู้คนทั้งหมดหกชีวิตในครอบครัว จึงไม่มีเวลามากพอมาใส่ใจดูแลผู้สูงอายุในบ้านอีกต่อไป ปัญหาปากกัดตีนถืบนี้ ทำให้ต้องหาสถานที่ให้แก่พ่อ-แม่ของทั้งสองฝ่าย ได้มีที่อยู่อาศัยในบั้นปลายชีวิต โดยไม่ต้องลำบากลูกๆมากจนเกินไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว เท่าที่ผมเห็นในคลิป แม้จะไม่สร้างความลำบากทางกายให้แก่ลูกเต้า แต่ก็สร้างความลำบากทางกระเป๋าตังค์ของลูกๆอยู่ดีครับ เพราะค่าที่พักที่ยังไม่รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกทั้งเรื่องของสันทนาการที่จำเป็น ล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น นั่นอาจจะเป็นคนที่พอมีอันจะกินเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านพักผู้สูงอายุที่ทันสมัยเช่นนั้นได้ครับ

 

     การพัฒนาของธุรกิจบ้านพักคนวัยเกษียณนี้ ในประเทศจีนได้มีการลงทุนเม็ดเงินกันเยอะมาก ทำให้มีโครงการที่แข่งขันกันในด้านฮาร์ดแวร์กันอย่างมาก เพราะง่ายต่อการใช้เงินบันดาลให้เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ใหญ่โตมโหฬาร ห้องโถงที่หรูหรามาก มีห้องต่างๆมาสนองต่อความต้องการของผู้พักอาศัย และห้องพักที่ดูไม่แพ้โรงแรมระดับ 5-6 ดาวเลยทีเดียว สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ สามารถสร้างหรือลอกเลียนแบบกันได้ไม่ยาก ในขณะที่ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ผมก็เชื่อว่าปัจจุบันนี้ ประเทศจีนไม่น้อยหน้าประเทศใดๆในโลกนี้แน่นอน เพราะเขามีผู้เชี่ยวชาญมากมายทั่วประเทศ จึงไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะยากคือการบริการที่ต้อใช้ทรัพยากรมนุษย์ ที่ประเทศจีนเองก็เป็นที่ทราบกันดีว่า มีความอ่อนโยนน้อยมาก การให้บริการของคนมักจะเกิดจากภายในจิตใจของผู้ให้บริการมาเป็นสิ่งสำคัญ หากผู้ให้บริการเองมีปัญหาต่างๆที่รุมเร้าเข้ามา ไม่ว่าปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม หรือปัญหาปากท้อง ก็ยากที่จะให้เขามีจิตใจมาบริการที่ดีได้ครับ ดังนั้นผมก็ยังคิดว่าคงต้องมีเวลาที่จะพัฒนาการอีกนิดหนึ่ง แต่ในอนาคตน่าจะเป็นสถานที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกแน่นอนครับ