*** ผลจากที่ราคาหุ้น JTS ขึ้นมายืนเกือบ 130 บาท ทำให้เกิดแรงหนุนจิตวิทยากับ JAS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ขยับตามขึ้นมาด้วย เพราะ JAS มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ใน JTS รวมกันมากกว่า 50% ซึ่ง JTS ขึ้นมาเป็นร้อยเท่า นั่นก็หมายความว่า มูลค่าหุ้นของ JTS ที่ JAS ถืออยู่ ขึ้นมาเป็นร้อยเท่าเช่นกัน
แต่... อย่าพึ่งด่วนสรุป เพราะไม่ว่าหุ้น JTS จะวิ่งไปสูงถึงไหน แต่ถ้าไม่ขายหุ้นออก JAS ก็เป็นเพียงเจ้าของสินทรัพย์ที่มีราคาสูง...เปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ และถ้าหากหวังเอาส่วนแบ่ง...ผลการดำเนินงานปี 64 ของ JTS จะดีขึ้นมาก ก็ยังไม่ดีมากพอ แจกให้กับผู้ถือหุ้น
หรือถ้าหวังรายได้จาก “เหมืองขุดบิตคอยน์” ซึ่งเป็นธุรกิจในฝันของ JTS ก็ต้องรอไปอีกนานกว่าจะตั้งเหมืองเสร็จ หรือกว่าจะคืนทุนจนแจกให้กับผู้ถือหุ้นได้ ส่วน JAS ช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ขาดทุนสะสมรวมเป็นเงินเกือบๆ 5 พันล้าน หากหวังว่า JAS จะเอากำไรสะสมมาแจกปันผลแบบที่เคยทำ ก็น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะได้แจกไปหมดแล้ว
ดังนั้นถ้าจะสรุปว่าหากสนใจจะลงทุนในหุ้นของ JAS ก็คงต้องคิดกันให้ดี ทรงแบบนี้เจ๊เมาธ์ คิดว่ากว่าจะฟื้นตัวก็อีกนานเจ้าค่ะ
*** ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะวิ่งแรงจนติดแคชฯ ก็ไม่ทำให้ NEX หยุดความร้อนแรงลงไป เพราะที่แรงกว่าหุ้น NEX ก็คือ โรงงานผลิตแบตเตอร์รี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในอาเซียนของ EA ได้ฤกษ์เปิดดำเนินงานไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องรายได้ที่มาจากรถบัสไฟฟ้า ส่งมอบไปแล้ว 120 คัน และจะส่งมอบอีก 400 คัน ภายในสิ้นปี 64 ขณะที่ในปี 65 คาดว่าจะส่งได้อีก 3,000 คัน
ขณะที่ภาคเอกชน สนใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ใช้ขนส่ง 6 ล้อ ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ ประมาณ 40,000 คันต่อปี ทำให้ผลดำเนินงานของ NEX สามารถกลับมาเป็นบวกได้ตั้งแต่ปลายปี 64 ไปจนถึงปี 65 เห็นแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สัมผัสได้แบบนี้ในระยะยาว น่าสนใจดีค่ะ
อย่างที่เจ๊เมาธ์เคยบอกไปว่า การเล่นกับกระแส ทำให้หุ้นขยับขึ้นมาช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถ้าจะว่ากันยาวๆ หรือดันราคาแบบเอาจริงเอาจัง มันต้องอาศัยทั้งความตั้งใจและฝีมือรวมกันนะคะ
กรณีนี้ เจ๊มองว่า กระแสการลงทุนในบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลของ BROOK นำมาเป็นตัวอย่างได้ เพราะถือว่าเป็นบริษัทแรกๆ ที่เปิดวิสัยทัศน์ในเรื่องการลงทุนในคริปโตฯ ออกมาก่อนใคร แต่สุดท้ายผลงานการลงทุนกับธุรกิจใหม่ ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ขาดทุนในเวลาไม่นาน ตั้งแต่ประกาศตัวลงทุน ราคาเหรียญคริปโตฯ ทั้งหลายในตอนนั้น ก็ราคาต่ำกว่านี้มาก ซึ่งหากมีเงินแล้วซื้อทิ้งไว้โดยที่ไม่ต้องทำอะไร พอมีกำไรติดมืออยู่บ้างก็ไม่อยากจะพูดมากนะคะ แต่ก็ขอย้ำว่า การมีวิสัยทัศน์ มันก็ต้องมีฝีมือประกอบกันไปด้วยเจ้าค่ะ
*** เห็นราคาหุ้น TKN ของ “เสี่ยต๊อป” ขยับขึ้นมา พร้อมกับบทวิเคราะห์จากบางสำนักที่แนะนำว่าให้เล่น “เก็งกำไร” จากผลดำเนินงานที่จีน เห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น แต่ถ้าในมุมมองของเจ๊เมาธ์ มองว่า เรื่องของการเล่น “เก็งกำไร” ควรต้องแยกออกไปจากผลการดำเนินงาน เพราะหากมั่นใจผลดำเนินงานจะดีขึ้น มันต้องถือยาวได้ แต่ที่บอกว่าให้ “เก็งกำไร” หมายความว่า เล่นสั้นเท่านั้นกรณีของ TKN จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปอยู่ในระนาบเดียวกับผลงานช่วงเวลาก่อนโควิดได้ในเวลาอันใกล้นี้ ดังนั้นหากคิดว่าจะเล่น “เก็งกำไร” ก็ไม่ต้องสนใจอย่างอื่นแล้วนะคะ เอาแค่ซื้อถูก...ขายแพงได้ ก็พอแล้วค่ะ
*** BWG ถือว่าเป็นหุ้นอีกตัวที่ มีข่าวออกมาเมื่อไหร่ ราคาหุ้นวิ่งตามข่าวทุกครั้ง ล่าสุด มีข่าวว่าจะถูกซื้อกิจการ แต่บริษัทก็ชี้แจงว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น BWG ถูกไล่ราคาขึ้นมาจาก 0.70 บาท เป็น 1.14 บาท ทั้งที่ผลการดำเนินงานก็ยังไม่ฟื้นตัว มีสำนักวิเคราะห์ลดราคาเป้าหมายลง ถือว่าเป็นเรื่องที่นักลงทุนควรจะระวังเอาไว้บ้าง อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้หลายปี BWG เคยถูกเรียกว่าหุ้น “ขยะทองคำ” และจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเรียกแบบเดิมได้อยู่หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือ นักลงทุนที่เคยชื่นชมว่าเป็น “ขยะทองคำ” ตอนนี้หลายคนยังลงดอยไม่ได้เลยค่ะ เพิ่มเติมแค่พลิกสภาพจากหุ้นต่ำบาท เป็นหุ้นเต็มบาท
กระแสข่าวที่ปลุกเร้าขึ้นมาเล่นกับ BWG มีเรื่องเดียว เป็นความหวังของคนที่เข้าไปเล่น นั่นก็คือ การจับมือกับ G โรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ของประเทศ เจ๊ไม่ต้องบอกว่าเป็นรายไหน รู้กันทั่วประเทศแล้วค่ะ กระโดดเข้ามาเล่นโรงไฟฟ้าขยะ 200 เมกะวัตต์ ถ้ามาจริงนะดีกับ BWG และ ETC แต่จนถึงป่านนี้เกือบ 6 เดือนไม่สรุปซะที สร้างความหวังให้นักลงทุนไปเรื่อยๆ รายใหญ่-และใหญ่มาก เจ๊สีสัน ใช้เรื่องนี้ มาเป็นเหยื่อล่อเม่าเข้ากองไฟ ยังๆ ก็ระมัดระวัง กันบ้างเน้อค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,740 วันที่ 16 - 18 ธันวาคม พ.ศ. 2564