กลุ่ม CP โคตะระ เนียน...เพิ่มทุน

03 ก.ย. 2564 | 01:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ

*** ดัชนีหุ้นไทยเริ่มทรงตัว หลังจากที่ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ส่วนหนึ่ง ความตื่นเต้นลดลง หลังผู้ติดเชื้อรายวันลดลง  ๆๆๆ  แต่ผู้ติดเชื้อรายวันยืนพื้น 250-300 คน  ... ขณะที่นักลงทุนอีกส่วน จับตาดูศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เนื่องจากมีข่าวปล่อยออกมาว่ามี ส.ส. บางกลุ่มในซีกพรรคร่วมกำลังพยายามล็อบบี้พรรคการเมืองเล็ก เพื่อไปจับมือกับฝ่ายค้านในการยกมือโหวตล้มนายกฯ  ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับพรรคพวกของตน  สะท้อนความอ่อนแอของรัฐบาลทซึ่งกำลังอยู่ในช่วงขาลงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน
 

<<< เหนือสิ่งอื่นใด…ดัชนีหุ้นไทยเข้าสู่การพักตัว Fund flow ชะลอตัวหลังจากที่ไหลเข้ามาต่อเนื่องถึงเกือบ ๆ 2 สัปดาห์ รวมถึงเรื่องของการขายเพื่อลดความเสี่ยงและทำกำไรระยะสั้น หลังจากนี้ไปสิ่งที่ตลาดหุ้นไทยรอคอยก็จะเป็นเรื่องความชัดเจนของการเปิดเมืองตามที่นายกฯ เคยพูดไว้ 
 

*** การโยกย้าย ถ่ายสินทรัพย์ ของ Lotus’s ไปมา ภายใน CP Group กลายเป็นเรื่องการเพิ่มทุนขึ้นมาแบบเนียน ๆ  ทั้งที่การซื้อกิจการของ Tesco ก่อนจะมาเปลี่ยนชื่อเป็น Lotus’s เมื่อปี 63 มีการแบ่งสัดส่วนในการลงทุนโดยทาง CPALL ลงทุน 40% CP Group ลงทุน 40% และ CPF ลงทุน 20%
 

<<< กลุ่ม CP ประกาศตัวว่า มีสภาพคล่องเพียงพอและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด แต่ล่าสุด การโยกสินทรัพย์ของ Lotus’s เข้าไปอยู่กับ MAKRO กลับมีเรื่องของการเพิ่มทุนงอกขึ้นมาแบบดื้อ ๆ  ....MAKRO จะออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ไม่เกิน 5,010 ล้านหุ้น ราคา 43.50 บ./หุ้น มูลค่า  217,949 ลบ. เป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการทั้งหมดแทนการชำระด้วยเงินสด กลับไปให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ Lotus’s 

<<< การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ MAKRO ส่วนหนึ่งขายรายย่อย ถึงแม้ภาพรวม หุ้นในกลุ่ม CP Group ปรับตัวขึ้น  แต่การเดินเกมเพิ่มทุน ทำให้ ความเป็นเจ้าของในส่วนผู้ถือหุ้นเดิมลดลง (Dilution) อยู่ดี ซึ่งการเพิ่มทุนในชื่อของ MAKRO ซึ่ง CP เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ดี  นี่คือ ....การเลี่ยงบาลีที่บอกว่า “ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน” นั่นเองเจ้าค่ะ
 

*** ถึงแม้ว่าราคาหุ้นของ APURE จะปรับราคาขึ้นมาถึงเท่าตัวในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน แต่เจ๊เมาธ์  ยังเห็นว่าหุ้นตัวนี้ยังน่าสนใจและดูมีอนาคตอีกไกล อย่างแรก ก็คงเป็นเรื่องของผลบการดำเนินงานที่งานไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 664.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.77% และกำไรสุทธิ 86.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.04%  เทียบกับช่วงเดียวกันของปี
 

<<<  เรื่องที่สอง การปรากฏชื่อ “หมอวิน – นายแพทย์ รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา”  อันดับที่ 7 ในจำนวน 19.59 ล้านหุ้น หรือ  2.04%  ...เจ๊เมาท์กระซิบเอาไว้เลยว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังปล่อยออกมาไม่หมด หลังจากนี้ไป จะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับ APURE ได้อีกหลายอย่าง บอกเลยว่า หุ้นตัวนี้น่าสนใจอีกมากนะคะ รอดูต่อไปก็แล้วกันค่ะ
 

*** ราคาหุ้น INTUCH ปรับตัวขึ้นมาเกือบ ๆ 30% ในช่วงเวลาไม่ถึง 20 วันทำการ ทำให้หุ้นสื่อสารตัวอื่น  ๆ อย่าง  ADVANC TRUE และ DTAC ขยับตามมา ...อีกเรื่องหนึ่ง ราคาหุ้นทั้ง 3 ค่ายมือถือ อยู่ในโหมดซบเซามานาน  ...คาดหมายกันว่าปี 65 หุ้นกลุ่มนี้ จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากเศรษฐกิจฟื้นตัว  ไม่นับรวมสตอรี่ดันหุ้น เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ของ ADVANC และ INTUCH หรือเรื่องการขายหุ้นของ DTAC 

<<< สำหรับเจ๊เมาธ์ หุ้นสื่อสารพวกนี้ ถ้าจะถือเพื่อเล่นสั้น พอทำได้ แต่ถ้าถือยาว ๆ เจ๊คิดว่า โอกาสทำกำไรมีไม่มาก ....อย่าลืมว่าสตอรี่ดันหุ้น..มีเอาไว้ดันหุ้นเท่านั้นเอง 
 

*** หลังจาก BTS ส่งบริษัทลูก VGI – U เข้าลงทุนในกลุ่ม JMART ทำให้ราคาหุ้นทั้งคู่วิ่งระเบิด  แต่มุมของเจ๊เมาธ์...ทั้ง VGI และ U ขึ้นมาแรงเกินตัว  และยังเร็วเกินไป ที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ U  ...ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของ U ใช้เวลาการฟื้นตัวอีกระยะ แม้ว่าเริ่มเห็นการขาดทุนลดลง ๆ   ส่วนจะฟื้นตัวกลับมามีกำไร  ใช้เวลาอีกเป็นปีเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าชอบก็ต้องดูดี ๆ นะคะ เพราะการลงทุนแบบนี้อาจจะต้องลงทุนยาว..ถึงยาวมาก เป็นการซื้ออนาคต 
 

*** คราวที่แล้ว เจ๊เขียนเกริ่น ฝรั่งอยู่เป็น ใครใหญ่ขอไปอิงด้วย ได้เปรียบรายย่อยทุกอย่าง ซื้อหุ้นไม่ต้องมีหลักประกัน ขายไม่ต้องฝากหุ้นก่อนหุ้น turn over list  ไม่ต้องวางหลักประกันก่อนซื้อ ได้เปรียบรายย่อยหัวดำ ไปซะทุกอย่าง  ยังไม่สาแก่ใจ ถูกเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ตามใจซะเคยตัว 
 

<<<  เมื่อปากว่าแล้ว มือต้องทำ “เจ้าพ่อ” ของวงการหุ้น ชงเรื่องต่อให้ตลาดหลักทรัพย์ ขยายท่อส่งคำสั่งให้คำสั่งของค่ายตัวเอง ได้เข้าคิวก่อนชาวบ้านเค้าเท่าตัว ในช่วงที่ลูกค้าฝรั่งหัวแดง-หัวดำ ต้องการปรับพอร์ตของตัวเอง ....ถ้าตลาดฯ ไทย  บ้าจี้ปล่อยให้โบรกเกอร์ ชี้นกเป็นนก ...เดินหน้าจัดให้เต็มสูบ ดูซิว่า โบรกเกอร์อื่น ๆ ที่มีฐานลูกค้ารายย่อย จะเป็นโบรกเกอร์ไทย หรือต่างชาติ ที่เสียเปรียบเต็มประตู จะมีปาก-มีเสียง ให้ลูกค้าตัวเองหรือเปล่า !!!!!