- ร้อนขึ้น 1 องศาแอร์ใช้ไฟมากขึ้น 3%
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน. (MEA) ในฐานะโฆษกกฟน. ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นนั้น เนื่องจากช่วงนี้ไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนจัด บางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำความเย็นต้องทำงานมากขึ้นและใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น โดยเห็นได้จากค่าพลังความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ล่าสุด มีค่าเท่ากับ 8,904.66 เมกะวัตต์ เกิดขึ้นในวันที่ 18 เมษายน 2566
สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เช่น ในสภาวะอากาศปกติ เช่น อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส หากปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องที่ 26 องศาเซลเซียส แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ 4 องศาเซลเซียส
แต่ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด เช่น อุณหภูมิภายนอก 40 องศาเซลเซียส หากตั้งอุณหภูมิแอร์ในห้องเท่าเดิมไว้ที่ 26 องศาเซลเซียส แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ถึง 14 องศาเซลเซียล แอร์จึงทำงานหนักมากขึ้น และกินไฟมากกว่าเดิม นอกจากนี้ที่สำคัญยังต้องรักษาอุณหภูมิในสภาวะที่มีความร้อนจัดจากภายนอกรบกวน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
"จากการทดสอบพบว่าอุณหภูมิภายนอกที่เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียสแอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ถึงแม้จะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในระยะเวลาเท่ากัน หรือปรับตั้งค่าอุณหภูมิเท่าเดิม ประกอบกับในช่วงอากาศร้อนพฤติกรรมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น เช่น การเปิดปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง การประกอบอาหารด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการใช้น้ำอุปโภคบริโภคมากขึ้นทำให้ปั๊มน้ำทำงานมากขึ้น ทั้งหมดนี้ ล้วนทำให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน"
- ไฟฟ้าเกินครึ่งใช้กับระบบทำความเย็น
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ ผศ.ดร. ณัฐพล ฤกษ์เกษมสันติ์ อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมเคมี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ซึ่งระบุว่า ระบบทำความเย็นเป็นระบบที่ค่อนข้างใช้พลังงานมาก โดยหากดูข้อมูลจากระบบทางด้านการใช้พลังงานของประเทศ จะพบว่า การใช้ไฟของประเทศเกินกว่าครึ่งใช้เพื่อระบบทำความเย็น
ดังนั้น หากประหยัดพลังงานในส่วนของระบบทำความเย็นได้ ก็จะมีผลอย่างมากในการประหยัดไฟของประเทศ โดยเวลานี้อากาศร้อนประชาชนก็เปิดไฟ เปิดแอร์ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาค่าไฟพุ่งมากจาก 2000 บาท เพิ่มเป็น 6000 บาท
ผศ.ดร. ณัฐพล อธิบายให้ฟังว่า ระบบทำความเย็น หรือระบบแอร์จะใช้สารเคมีในการระเหย เพื่อนำความร้อนออกจากระบบ โดยเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในระบบการทำความเย็นหรือระบบปรับอากาศ
- เปิด-ปิดแอร์เปลืองไฟมากกว่า
ทั้งนี้ มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเรื่องการเปิดแอร์แบบไหนประหยัดที่สุด โดยบทสรุปพบว่า การเปิดแล้วปิดแอร์ช่วงที่ออกไปข้างนอกเวลาไม่นาน แล้วกลับมาเปิดแอร์ใหม่จะเปลืองไฟมากกว่า เนื่องจากทุกครั้งที่เปิดแอร์ เครื่องคอมเพรสเซอร์จะต้องเริ่มต้นทำงานใหม่ ซึ่งกินไฟเป็นอย่างมาก
แต่กลับกันหากเปิดแอร์ทิ้งๆไว้ช่วงที่ออกไปข้างนอก โดยเลือกเพิ่มอุณภูมิแอร์ขึ้น 1 องศา เช่น เวลาที่อยู่บ้านเปิดที่อุณภูมิ 25 องศา ตอนที่ออกไปข้างนอกอาจจะตั้งเป็น 26 องศา เพื่อรักษาระดับความเย็น โดยแอร์จะมีระบบการตัดวงจรแบบอัตโนมัติเมื่อถึงอุณหภูมิที่ตั้งค่าไว้
อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ทิศทางที่ตั้งของบ้าน หากเป็นบ้านที่หันสู่ทิศตะวันตก สิ่งที่ควรทำเพิ่มเติมก็คือ การเพิ่มฉนวนที่ผนังให้มากขึ้น เพื่อลดความร้อน หรือปลูกต้นไม้เพื่อบังแดด ซึ่งเป็นวิธีการช่วยหนึ่งที่จะทำให้ตัวบ้านลดความร้อนลง
- เปิดพัดลมช่วยประหยัดไฟได้
ผศ.ดร. ณัฐพล บอกว่า การเปิดพัดลมช่วย แลเวเพิ่มอุณห๓มิของแอร์ขึ้น 1 องศา สามารช่วยให้ประหยัดไฟได้จริง โดยการตั้งอุณภูมิให้ต่ำเพื่อให้แอร์ทำความเย็นอย่างเดียวนั้นเปลืองไฟ เพราะทุกครั้งที่อุณหภูมิถูกปรับต่ำลงไป 1 องศา จะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 1-5%
"แนะนำว่าควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิเกิน 25 องศา แล้วเปิดพัดลมเป็นตัวช่วยจะเป้นการดีมาก หรือหากไม่ได้อยู่ที่ห้องดังกล่าวในระยะเวลาไม่นาน ก็อาจจะเพิ่มอุณภูมิขึ้นมาเป็น 26 องศา เมื่อกลับเข้ามาอยู่ในห้องค่อยลดอุณภูมิลงไปเท่าเดิม จะช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า"
นอกจากนี้ อีกหนึ่งแนวทางที่สามารถช่วยปนระหยัดไฟได้ก็คือ เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วร้อนจัด ยังไม่ควรเปิดแอร์ในทันที แต่ควรเปิดหน้าต่างระบายความร้อนออกไปก่อน เพราะส่วนใหญ่จะทำงานนอกบ้านกันตอนกลางวัน และกลับมาในตอนเย็น เมื่อบ้านถูกปิดไว้เป็นเวลานานก็จะเกิดการสะสมความร้อน