“อิหร่าน” ยุติการโจมตี “อิสราเอล” เตือนถ้าทำอีกเจอตอบโต้หนักกว่านี้

14 เม.ย. 2567 | 06:57 น.

สำนักข่าวทางการอิหร่าน รายงานปฏิบัติการทางทหารของอิหร่าน ประกาศยุติการโจมตี “อิสราเอล” ระบุ หากอิสราเอลทำผิดพลาดอีกครั้ง การตอบสนองของอิหร่านจะรุนแรงยิ่งขึ้นมาก

สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ (IRNA) ทางการของอิหร่าน รายงานว่า คณะผู้แทนถาวรของอิหร่านประจำสหประชาชาติ ได้ระบุถึงปฏิบัติการทางทหารของประเทศต่ออิสราเอลว่า เป็นไปตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในการป้องกันตนเอง 

รวมทั้งเพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล หลังจากได้โจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย จนส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของอิหร่านเสียชีวิตหลายราย ล่าสุดการโจมตีอิสราเอลถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว

ทั้งนี้จากคำแถลงยังระบุว่า หากอิสราเอลทำผิดพลาดอีกครั้ง การตอบโต้ของอิหร่านจะรุนแรงยิ่งขึ้นมาก พร้อมบอกว่า นี่คือความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับระบอบการปกครองที่กบฏของอิสราเอล และสหรัฐฯ ไม่ควรเข้ามายุ่ง

ด้านกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC) แถลงการณ์สองฉบับแยกกันว่าพวกเขาได้ปล่อยขีปนาวุธและโดรนหลายสิบลูก เพื่อโจมตีและทำลายเป้าหมายทางทหารที่สำคัญของกองทัพอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง 

กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน ยังเตือนด้วยว่า หากเกิดภัยคุกคามใดๆ ทั้งจากสหรัฐฯ และอิสราเอล จะได้รับการตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อจากอิหร่าน

ทั้งนี้เมื่อคืนวันที่ 13 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา อิหร่าน ได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอล ด้วยการใช้โดรน-ขีปนาวุธเข้าใส่กว่า 200 ลูก ซึ่ง กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจาก สอท. ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีการโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธจำนวนมากในหลายทิศทาง 

โดยทางการอิสราเอลได้ประกาศเตรียมความพร้อมในการตั้งรับและสกัดการโจมตีดังกล่าว และทางการอิสราเอลได้ออกแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 เม.ย. 2567 เวลา 23.00 น. จนถึงวันจันทร์ที่ 15 เม.ย. 2567 เวลา 23.00  น. โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนการชุมนุมในจุดต่าง ๆ ของประเทศตามสถานการณ์ของพื้นที่

ล่าสุด สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ได้ติดต่อกับชุมชนไทยเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพัฒนาการของสถานการณ์เป็นระยะเสมอมา โดยขณะนี้ ยังไม่มีรายงานคนไทยในอิสราเอลและอิหร่านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบัน มีคนไทยพำนักอยู่ในอิสราเอลประมาณ 28,000 คน และในอิหร่านประมาณ 300 คน

ข้อมูล : Xinhua