การอัญเชิญ “พระบรมสารีริกธาตุ” ของ “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” และ “พระอรหันตธาตุ” ของ “พระสารีบุตร” และ “พระโมคคัลลานะ” (อัครสาวกฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย) ที่เป็นองค์ดั้งเดิม ซึ่งค้นพบในสถูปโบราณ เมืองกบิลพัสดุ์ และเมืองสาญจี สาธารณรัฐ “อินเดีย” มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ในประเทศไทย เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ไม่เพียงยิ่งใหญ่ตระการตา แต่ยังเป็นครั้งแรกในการร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ในการชมความงดงามของริ้วขบวน อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกออกจากอินเดีย มาให้ชาวพุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสสักการะกราบไหว้บูชา ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
รัฐบาลได้จัดริ้วขบวน 23 ขบวน มีผู้เข้าร่วมขบวนกว่า 2,500 คน อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ออกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป พิธีท้องสนามหลวง
โดยสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ถวายพวงมาลัยและจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และมีพิธีเจริญชัยมงคลคาถาตลอดพิธี ยิ่งใหญ่งดงาม สมพระเกียรติ
กระทรวงวัฒนธรรมเชิญชวนให้ประชาชนและศาสนิกชน เข้า “กราบสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ” ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์-19 มีนาคม 2567 ใน 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค โดยเริ่มจากการเปิดให้สักการะ ที่ “มณฑลพิธีท้องสนามหลวง” กรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดแรก ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์-3 มีนาคม 2567 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น.
ทั้งยังมีนิทรรศการที่เกี่ยวกับความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ การค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ข้อมูลเกี่ยวกับพระธาตุที่นำมาจัดแสดงในไทย รวมถึงนิทรรศการเกี่ยวกับพุทธประวัติจากประเทศอินเดีย
จากนั้นจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ไปยังภาคเหนือ โดยอัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ “หอคำหลวง” อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้สักการะ ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคม 2567 ต่อด้วยการอัญเชิญสู่ภาคอีสาน ณ “วัดมหาวนาราม” จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 10 - 13 มีนาคม 2567
รวมทั้งจะอัญเชิญสู่ภาคใต้ ณ ณ “วัดมหาธาตุวชิรมงคล” จังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2567 โดยแต่ละพื้นที่จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ และเปิดให้ศาสนิกชนร่วมสักการะบูชา เพื่อเสริมสิริมงคลอย่างสูงสุดในชีวิต
การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาไทยครั้งนี้ เป็นไปตาม “โครงการธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุจากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขงของอินเดีย” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์-19 มีนาคม 2567
โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์กรุงนิวเดลี ซึ่งถูกขุดพบจากสถูปโบราณ เมืองปิปราห์วา ซึ่งสันนิษฐาน ว่าเป็นที่ตั้งของเมืองกรุงกบิลพัสดุ์ในสมัยพุทธกาล มีหลักฐานเป็นจารึกอักษรพราหมีบนผอบ แปลว่า “ที่บรรจุ พระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของสากยราชสุกิติ กับพระภาตา พร้อมทั้งพระภิคินี พระโอรสและพระชายา สร้างขึ้นอุทิศถวาย”
ส่วนพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อัญเชิญมาจากสถูปเมืองสาญจี พระโมคคัลลานะ- พระสารีบุตร เป็นพระอัครสาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยพระโมคคัลลานะ เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย ซึ่งเป็นพระอรหันต์ผู้มีความเป็นเลิศด้านฤทธานุภาพยิ่งกว่าพระสาวกรูปอื่นๆ
ส่วนพระสารีบุตร ผู้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา ได้รับการยกย่องว่าเป็นสาวกผู้เป็นเลิศ ในด้านสติปัญญา และยังเป็นผู้มีคุณธรรมในด้านความกตัญญู จนได้รับสมญาว่า “ธรรมเสนาบดี” (แม่ทัพธรรม) คู่กับพระพุทธเจ้าที่ เป็น “พระธรรมราชา” นั่นเอง
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,971 วันที่ 3 - 6 มีนาคม พ.ศ. 2567