PQS กางแผนปี 67 เดินหน้าลงทุน 3 โปรเจ็กต์ อัพแกร่ง

29 มี.ค. 2567 | 08:08 น.

PQS โอดผลผลิตมันสำปะหลังปี 67 หดตัว 1-2% จากปีก่อน หลังได้รับผลกระทบภัยแล้งและโรคระบาดใบด่าง สวนทางดีมานด์ที่เติบโตต่อเนื่อง 3-5% ลูกค้าจีบเรียงคิวยื่นออเดอร์แป้งมันฯ อื้อ

นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังชั้นนำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2567 คาดว่าปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนที่ประมาณ 1-2% เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากเรื่องของสภาพอากาศที่มีความแห้งแล้งในปีก่อน ซึ่งมีผลต่อคุณภาพของมันสำปะหลัง

รวมถึงเรื่องของโรคใบด่างที่กำลังระบาดหนัก ทำให้เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังปรับตัวลดลง ทั้งนี้ จากประสบการณ์ในปีก่อนทำให้บริษัทวางแผนในการหาและขยายการทำสัญญาซื้อขายออกไปยังซัพพลายใหม่เข้ามาเสริมเพิ่มมากขึ้นในหลากหลายพื้นที่ เพื่อให้เพียงพอรองรับการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ การบริหารจัดการด้านวัตถุดิบยังคงทำได้ค่อนข้างดี

ในด้านของความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังที่ยังคงมีการขยายตัวทั้งในประเทศและโดยเฉพาะต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง กลุ่มลูกค้าจีนเองก็เริ่มมีการกลับมาส่งคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น จากในช่วงปลายปีก่อนที่ลูกค้าไม่กล้าซื้อเยอะและลดการเก็บสต๊อกสินค้าที่ลดลงจากต้นทุนราคาที่สูงมาก แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 นี้ เริ่มเห็นสัญญาว่ากลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะประเทศจีนเริ่มมีการสั่งซื้อและสต๊อกแป้งมันสำปะหลังมากขึ้น และคาดว่าจะมีไปอย่างต่อเนื่องในปี 2567 อีกด้วย

นอกจากนี้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและโดยเฉพาะการท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับแป้งมันสำปะหลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่าดีมานด์จะมีการเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 3-5% จากปีก่อน

โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกเป็นส่วนใหญ่กว่า 70% อีก 30% เป็นการจำหน่ายภายในประเทศ ทั้งนี้ตลาดหลักถูกส่งออกไปยังประเทศจีน อาทิ มณฑลกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ และฉิงเต่า เป็นต้น คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90-95% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด

แนวโน้มธุรกิจและผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2567 มองว่าในแง่ของปริมาณการผลิตมีการปรับตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ในด้านปริมาณการจำหน่ายการมีการเติบโตด้วยเช่นเดียวกัน

ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบมันสำปะหลังยังคงอยู่ในระดับที่สูง เนื่องจากซัพพลายในตลาดที่ปรับตัวลดลง สวนทางกับดีมานด์ที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้จะดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้าการสร้าง 3 โครงการ ได้แก่

  1. โรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ขนาดกำลังการผลิต 120,000 ตันต่อปี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ส่งผลให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็นกว่า 360,000 ตันต่อปี
  2. โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อต่อยอดไปในธุรกิจปลายน้ำ คาดแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2567 เช่นเดียวกัน
  3. โครงการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ขนาดกำลังผลิต 2 เมกะวัตต์ ที่จะแล้วเสร็จในปี 2567

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตและจำหน่าย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง (Tapioca) เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหัวมันสำปะหลัง 2. การผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (Biogas) สำหรับสัดส่วนการผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 98-99% และ 1-2% ตามลำดับ