นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทในเครือสหพัฒน์ แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในปีนี้ ซึ่งนับเป็นวิบากกรรมทั่วโลก แต่บริษัทเชื่อมั่นในโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่าภาคอสังหาฯ ไทยจะรีบาวน์กลับมาอีกครั้ง
ดังนั้น เครือสหพัฒน์ จึงเตรียมแผนขยายการลงทุน เดินหน้าโครงการต่างๆ ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยบริษัทร่วมกับกลุ่มทุนใหญ่ของอสังหาฯ ญี่ปุ่นอย่าง ‘โตคิว’ ขยายการลงทุนเพิ่มเติมอีกกว่า 800 ล้านบาท โครงการ ‘HarmoniQ 2’ โครงการบ้านพักที่อยู่อาศัยในศรีราชา เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยให้กับชาวญี่ปุ่น บนพื้นที่กว่ารวมกว่า 50 ไร่ในอำเภอ ศรีราชาจังหวัด ชลบุรี โดยคาดว่าจะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างได้ในเดือนเมษายน ปี 2564 และเริ่มเปิดดำเนินโครงการภายในปีเดียวกัน
“ในฐานะที่เราเป็นผู้นำในการลงทุนในเขตศรีราชา-แหลมฉบัง เตรียมขยายโครงการที่อยู่อาศัยเจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น ครอบครัวนักธุรกิจที่ต้องมาพักอาศัยในประทเศไทย ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการแรก ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้เราขยายการลงทุน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“กนอ.” ชี้ “อีอีซี” ปัจจัยบวกการลงทุนปี 64
อสังหาฯ EEC ชะลอตัว เปิดใหม่ลด-สต็อกบวม
สำหรับโครงการ ‘HarmoniQ 2’ โครงการบ้านพักที่อยู่อาศัยในศรีราชา ที่สหพัฒน์ร่วมกับโตคิว ต่อยอดโครงการแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ตอบรับดีมานด์ลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยโครงการทั้งหมดมูลค่ารวมกว่า 1,700 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการแรก ‘HarmoniQ 1’ ได้รับรางวัลจาก Miki House ที่ได้รับรองว่าแบรนด์ ‘HarmoniQ’ เป็นสถานที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมต่อครอบครัวและเด็ก มีความปลอดภัย แข็งแรงตามมาตรฐานญี่ปุ่น
โดยเลือกใช้การก่อสร้างจาก SCG HEIM นับเป็นแหล่งที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นของโครงการที่มีห้องพักหลากหลายรูปแบบ มีบรรยากาศน่าอยู่เหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะต่อคนญี่ปุ่นอย่างมาก จนทำให้มียอดจองพักล้นหลามบางช่วงถึงกับต้องมี Waiting List กันเลยทีเดียว
นายวิชัย กล่าวอีกว่า การขยายการลงทุนของโครงการอสังหาฯ ใน “ศรีราชา” เป็นการตอกย้ำศักยภาพของอำเภอนี้ในชลบุรีว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งอุตสาหกรรม” ที่น่าจับตามองในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC เฉพาะที่ศรีราชาขณะนี้มีนิคมอุตสาหกรรมกว่า 10 แห่ง และจำนวนโรงงาน มีโรงงานทั้งสิ้นกว่า 1,300 แห่ง โดยญี่ปุ่นเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมายาวนานโดยเฉพาะในพื้นที่ศรีราชา
“ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นพักอาศัยอยู่กว่า 10,000 คน และมีสมาคมธุรกิจญี่ปุ่นอยู่กว่า 20 แห่ง ดังนั้น EEC จึงเป็นทำเลศักยภาพอีกแห่งหนึ่งสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในไทย ที่จะสามารถตอบรับดีมานด์ชาวต่างชาติและชาวไทยได้”
อนึ่งกลุ่มโตคิวเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 98 ปี ทั้งในธุรกิจห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม การก่อสร้างขนาดใหญ่ ระบบขนส่งมวลชนทั้งรถบัส และรถไฟ โดยหลักทรัพย์ของกลุ่มโตคิว (Tokyu Corporation) ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น มีมูลค่าตลาดประมาณ 230,000 ล้านบาท