สพฉ.จับมือกรมอุทยานฯจัดทำ MOU พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อุทยานฯ

01 ส.ค. 2559 | 04:59 น.
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช  ซึ่งการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว หรือเจ้าหน้าที่ที่เจ็บป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ ได้รับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึงครอบคลุมและทันต่อเหตุการณ์ และเพื่อให้มีการบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อุทยานฯร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้นั้น สพฉ.จะส่งเสริมให้มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินรวมถึงส่งเสริมการบริหารจัดการและระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯเป็นไปอย่างครอบคลุมทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งจะส่งเสริมสนับสนุนให้มีการศึกษาและฝึกอบรมผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดของกรมอุทยานฯเพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติการฉุกเฉินได้ตามมาตรฐาน

บทบาทหน้าที่ของสพฉ.จะรับผิดชอบในการส่งเสริมสนับสนุนให้มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมกรมอุทยานฯสามารถดำเนินงานและบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ และจะสนับสนุนและพัฒนาการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการแพทย์ฉุกเฉินให้มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินดิจิตอลเพื่อปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมสนับสนุนให้มีการศึกษา ฝึกอบรม และพัฒนาวิชาการสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติการฉุกเฉินได้ตามมาตรฐานด้วย

ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช กล่าวว่า กรมอุทยานฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการแพทย์ฉุกเฉินซึ่งจะทำให้ความช่วยเหลือประชาชน นักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ด้านการปราบปราม และประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงในกรณีที่เกิดสาธารณภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจึงได้ร่วมกับสพฉ.จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ขึ้น โดยบทบาทหน้าที่ของกรมอุทยานฯภายใต้บันทึกข้อตกลงร่วมในครั้งนี้คือเราจะจัดระบบปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินรวมถึงการบริหารจัดการระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่อื่นๆ ที่กรมอุทยานฯเห็นว่าเหมาะสม และยังจะจัดให้มีการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉินของกรมอุทยานฯเพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติการฉุกเฉินได้ตามมาตรฐานในพื้นที่ฝึกอบรมของกรมอุทยานฯ นอกจากนี้แล้วยังจะจัดตั้งศูนย์สื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อเชื่อมกับระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และจะจัดบริการการแพทย์ฉุกเฉินแก่ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่ที่เจ็บป่วยฉุกเฉินในพื้นที่อุทยานฯและพื้นที่อื่นๆ ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯและเชื่อมต่อการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยพ้นภาวะฉุกเฉินอีกด้วย

ทั้งนี้จากการร่วมมือจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯกับสพฉ.ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบันเราได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ความรับผิดชอบในพื้นที่ของกรมอุทยานฯกว่า 150 แห่งเพื่อดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงให้ได้รับบริการทางด้านการแพทย์ฉุกเฉินและประสานการส่งต่อผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บทางโทรศัพท์สายด่วน 1669 ที่สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที ลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นและทำให้เกิดความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากด้วย