ฟันกำไรกองทุน‘ทองคำ’ เงินไหลออก 4พันล้าน ปลดล็อกติดดอย 3-5 ปี

21 ก.ค. 2559 | 13:00 น.
มอร์นิ่งสตาร์เผย นักลงทุนฉวยจังหวะราคาทองพุ่งขายทำกำไรกองทุนทองคำส่งผลเงินไหลออก 4 พันล้าน หลังติดดอย 3-5 ปี เปิดข้อมูลท็อปเทนผลตอบแทนสูงสุด กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ฯ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ทำได้ 86.22%บลจ.กสิกรไทยฯ จ่ายปันผลกองทุนเค โกลด์ หลัง 1 ปีทำกำไร 11.92% มองระยะยาวราคาทองคำถูกกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าให้กรอบปีนี้ 1,100-1,250 ดอลล์

[caption id="attachment_73435" align="aligncenter" width="700"] 10 อันดับกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดครึ่งปีแรก 10 อันดับกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดครึ่งปีแรก[/caption]

นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากสถานการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำและน้ำมันที่กลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะราคาทองคำที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ได้ส่งผลบวกต่อกองทุนรวมที่ลงทุนสินทรัพย์ทั้ง 2 ประเภท โดยพบว่าการลงทุนในทองคำเป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูงที่สุดเฉลี่ย 20 %

จากการฟื้นตัวของราคาทองคำ ทำให้นักลงทุนที่ถือครอง 3-5 ปี ขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้มีเงินไหลออกจากกองทุนทองคำประมาณ 4 พันล้านบาท ทั้งนี้ราคาทองคำเคยปรับตัวขึ้นไปที่สูงสุด 2.7หมื่น บาทต่อบาททอง

ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ ฯ เปิดเผยกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก สำหรับครึ่งปีแรก พบว่าล้วนเป็นกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำ น้ำมัน และปิโตรเคมี

กองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดอันดับแรก คือ กองทุนเปิด เคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอค
ควิตี้ ให้ผลตอบแทน 86.22 % อันดับ 2 กองทุนเปิด เคแทม เวิลด์ เมทัล แอนด์ ไมนิ่ง ฟันด์ ให้ผลตอบแทน 31.55 % อันดับ 3 กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ดัชนีพลังงานและธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ให้ผลตอบแทน 25.68 % อันดับ 4 กองทุนเปิด เคดัชนีหุ้นธุรกิจพลังงาน ให้ผลตอบแทน 25.57 % อันดับ 5 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET Energy ให้ผลตอบแทน 25.31 % (ดูตารางประกอบ)

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนทองคำภายใต้การบริหารของบริษัท คือ กองทุนเปิดเค โกลด์ ( K-GOLD ) ทำผลการดำเนินงานโดดเด่นในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา โดยรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2558 - 30 มิถุนายน 2559 ให้ผลตอบแทน 11.92% และได้จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย

ส่วนแนวโน้มราคาทองคำ ในระยะสั้นจะได้รับผลบวกจากความผันผวนและความไม่แน่นอนของตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ในระยะยาวราคาทองคำอาจจะถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จึงทำให้โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่มากนัก ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทย มองกรอบราคาทองคำปี 2559 อยู่ที่ระดับ 1,100 -1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์

ทั้งนี้ราคาทองคำโลกกลับมาฟื้นตัวช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ท่ามกลางสภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนสูงจากปัจจัยลบต่าง ๆ อาทิ ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง มาตรการทางการเงินของธนาคารกลางประเทศหลักๆ ที่อาจมีประสิทธิภาพน้อยลง รวมไปถึงความกังวลต่อสถานการณ์การแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิท) ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองในสินทรัพย์เสี่ยง และหันเข้ามาถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่น ทองคำ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากช่วงปลายปี 2558 ที่อยู่ในระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ด้านนายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โกลเบล็ก จำกัด คาดการณ์ราคาทองคำเริ่มชะลอตัวการขึ้นราคาและพักตัวในกรอบแคบ ๆ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นจากการที่สหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่ง

โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมถึงกระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะนำข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งนี้มาประกอบการตัดสินใจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางในหลายประเทศโดยเฉพาะธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ)จะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดังนั้นบล.โกลเบล็กฯ ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกว่าอยู่ในช่วงพักฐานช่วงสั้นก่อนปรับขึ้นรอบใหม่ โดยมีแนวรับ 1,330-1,335 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และแนวต้าน 1,375-1,380 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,175 วันที่ 17 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559