โค้กขายน้ำว่านหางจระเข้

01 ก.ค. 2559 | 05:00 น.
ขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมมานานจนกลายเป็นจำเลยสังคมไปแล้วว่าเป็นตัวการทำให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น-เยาวชนเป็นโรคอ้วนก่อนวัยอันควร เรื่องนี้ทำให้บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่อย่างโคคา-โคล่า ต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์กันขนานใหญ่ โดยทำอย่างไรก็ได้ให้สังคมมองเห็นว่าบริษัทก็ผลิตเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่เหมือนกัน เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ หรืออย่างเครื่องดื่มน้ำอัดลมเองก็มีการปรับสูตรเพิ่มความหลากหลายให้เป็นทางเลือกแก่คนที่รักสุขภาพ เช่น มีสูตรไร้น้ำตาล ศูนย์แคลอรี หรือใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น หญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลสังเคราะห์ เป็นต้น

[caption id="attachment_66562" align="aligncenter" width="500"] Aloe Gloe Aloe Gloe[/caption]

ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ โคคา-โคล่า ผู้ผลิตน้ำอัดลมรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศแผนลงทุนใหม่เอี่ยมโดยบริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำว่านหางจระเข้ หรือจะเรียกแบบเก๋ไก๋ให้ฟังดูเป็นอินเตอร์ฯ ก็คือน้ำอะโลเวร่า ภายใต้ชื่อแบรนด์ อะโล โกล (Aloe Gloe) ซึ่งวางตำแหน่งในตลาดเป็นสินค้าประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ใช้วัตถุดิบเกษตรอินทรีย์ (ออร์แกนิก) บริษัท แอลเอ อะโลฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มอะโล โกล เปิดเผยว่า น้ำอะโลเวร่าของบริษัทได้รับใบรับรองจากหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพว่าเป็นเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบเกษตรอินทรีย์จริง จุดแข็งดังกล่าวทำให้เครื่องดื่มอะโล โกล เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว คือนับตั้งแต่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดในปี 2555 ยอดขายเครื่องดื่มดังกล่าวก็เติบโตในอัตราตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอด และ 2 ปีล่าสุดก็มีอัตราเติบโตถึง 64% (จากข้อมูลของบริษัทวิจัยนีลเซ่น รีเสิร์ชฯ)

ปัจจุบัน เครื่องดื่มอะโล โกล มี 4 รสชาติให้เลือก คือ รสดั้งเดิมมีเนื้ออะโลเวร่าให้เคี้ยวด้วย รสผสมน้ำมะพร้าว รสผสมน้ำมะนาว และรสผสมน้ำองุ่นขาว นอกจากใบรับรองการใช้วัตถุดิบเกษตรอินทรีย์แล้ว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังปลอดวัตถุดิบจีเอ็มโอ (ไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรม) และปราศจากกลูเท็น การเข้ามาถือหุ้นของโคคา-โคล่าทำให้อะโล โกล มีเครือข่ายจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีวางขายในร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 2 หมื่นแห่งทั่วสหรัฐอเมริกา นายดีโน ซาร์ที ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอลเอ อะโล เปิดเผยว่า เป้าหมายของสินค้าดังกล่าวนี้คือการเป็นเครื่องดื่มอะโลเวร่าที่ทุกคนดื่มได้ การจับมือกับโคคา-โคล่าทำให้สินค้ามีช่องทางเข้าถึงผู้บริโภคที่กว้างไกลมากขึ้น ด้านโคคา-โคล่าเองแม้ถือหุ้นส่วนน้อยแต่ก็เปิดโอกาสให้บริษัทได้เข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มที่ผลิตจากพืชเป็นวัตถุหลักซึ่งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซ้ำยังเป็นการตอบโจทย์กระแสความนิยมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคในยุคนี้อีกด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,170
วันที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559