WHAเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ ทุ่ม1.3 พันล้านผุดดาต้า เซ็นเตอร์ 3แห่งรองรับ‘ไทยแลนด์4.0’

30 มิ.ย. 2559 | 09:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

"ดับบลิวเอชเอ" ชูคอนเซ็ปต์ ดิจิตอล แพลตฟอร์ม ทุ่มงบกว่า 1,300 ล้านบาท นำร่องสร้างดาต้า เซ็นเตอร์ 3 แห่ง รองรับการปฏิรูป "ไทยแลนด์ 4.0" ของรัฐบาล หวังผลต่อยอดสู่ลูกค้ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ในฐานะเป็นผู้ให้บริการครบวงจรในการให้บริการทางด้านคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ ในระดับมาตรฐานสากล ตอกย้ำวิสัยทัศน์ "สมาร์ทดิสทริค" ด้วยคอนเซ็ปต์ดิจิตอล แพลตฟอร์ม ทุ่มงบกว่า 1,300 ล้านบาท สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ นำร่อง 3 แห่ง บนเส้นวิภาวดีรังสิต บางนา-ตราด และระยอง รองรับลูกค้าทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม

[caption id="attachment_66526" align="aligncenter" width="700"] ดาต้าเซ็นเตอร์จำนวน สามแห่ง ดาต้าเซ็นเตอร์จำนวน สามแห่ง[/caption]

สำหรับแผนรองรับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศด้วยโมเดล "ไทยแลนด์ 4.0" ของรัฐบาล ด้วยการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้วยโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกพร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ของด้านไอทีและระบบการสื่อสารอันทันสมัยในนิคมอุตสาหกรรม นำร่องด้วยการสร้างศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ 3 แห่ง นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอันหลากหลายนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัท

"เราเห็นถึงความสำคัญและการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยจะเข้ามามีบทบาทช่วยส่งเสริมความสามารถในการพัฒนาธุรกิจทั้งของบริษัทเอง และต่อยอดการบริการให้กับลูกค้า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของเรามีหลายประเภท ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสินค้าทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพ และกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความต้องการในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจและการปฏิบัติงานที่แตกต่างกันทั้งในเรื่องของการผลิต การควบคุมคุณภาพสินค้า ตลอดจนการส่งมอบจำนวนสินค้าได้ถูกต้องและทันตามกำหนดเวลา (Just–in-time) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"

เหตุผลที่บริษัทได้ตัดสินใจลงทุนทำระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการสื่อสาร รวมถึงพัฒนาดิจตอล แพลตฟอร์มที่ครอบคลุม พร้อมสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจของเราทั้ง 4 สายธุรกิจ รวมไปถึงลูกค้าทั้งที่เป็นบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติภายในนิคมอุตสาหกรรมและกลุ่มโลจิสติกส์ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ทั้ง 3 แห่งจะใช้มาตรฐานเทคโนโลยีในการสร้างของเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ ซึ่งพัฒนาเป็นศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ (Dedicated Data Center Facility)ให้เหมาะกับความต้องการ อาทิ ความสามารถในการบริหารจัดการด้านพลังงาน ประกอบกับตัวอาคารมีเพดานที่สูงถึง 10 เมตร สามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้ต้นทุนค่าไฟต่ำมาก ผสมผสานกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก ทำให้เรามีความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ ในตลาด และความสำคัญของมาตรฐานสากลด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น ทำเลที่ตั้งของดาต้าเซ็นเตอร์ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงข่ายไฟเบอร์ออพติกและความปลอดภัยของข้อมูล ถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมบริการ (Managed Service) และโซลูชันด้านดิจิตอลต่างๆ ไว้รองรับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมและลูกค้ากลุ่มโลจิสติกส์อีกมากมาย อาทิ โครงข่ายใยแก้วนำแสง FTTx, การให้บริการคลาวด์แพลตฟอร์ม (Cloud Computing), บริการอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ให้เช่า, บริการดูแลระบบไอที, ระบบกล้องวงจรปิดบนคลาวด์ (VMS-Video Management Service), บริการโทรศัพท์ด้วยเทคโนโลยี IP-PBX และคอลล์เซ็นเตอร์, บริการอี-เมล์, เว็บไซต์ รวมถึงการป้องกันระบบเน็ตเวิร์กและการจัดเก็บและสำรองข้อมูล, บริการเช่าพื้นที่วางเครื่องเซิร์ฟเวอร์ และระบบควบคุมการเข้าถึงข้อมูล

ทั้งหมดนี้จะทำให้ บริษัท มีความโดดเด่นในเรื่องของดิจิตอล แพลตฟอร์ม ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ และจ่ายตามใช้จริง (pay-per-use) เท่านั้น พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการสอบวัดผลและได้รับประกาศนียบัตรตามมาตรฐานสากล รวมไปถึงการดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์ รวมถึงการบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,170
วันที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559