ชูริโว่ คาราวาน 17 ประเทศ นาวาราลุยจุดขาย 'คู่หูเถ้าแก่'

16 มิ.ย. 2559 | 13:00 น.
ค่ายรถกระบะโหมกิจกรรมสร้างแบรนด์ โตโยต้าจัดไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป กรุงเทพฯ-อิตาลี ลุยเส้นทางสายไหม เฉียด 2 หมื่น กม. 17 ประเทศ 2 ทวีป ส่วนนิสสัน ดึง "เท่ง-โหน่ง"โฆษณา นาวารา รถบรรทุกคู่หูเถ้าแก่ ด้านทาทา ปลื้ม ส่งมอบกระบะซีนอนไทย ให้ไปรษณีย์มาเลเซีย 553 คัน

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 โตโยต้าได้ทำพิธีปล่อยตัว "ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป…บทพิสูจน์จริงระดับโลก กรุงเทพฯ- อิตาลี ณ โรงแรมดุสิตธานี ถนนสีลม เพื่อพิสูจน์สมรรถนะและคุณภาพระดับโลกของรถกระบะที่ผลิตโดยคนไทย

ด้วยรถกระบะ ไฮลักซ์ รีโว่ 9 คัน บนเส้นทางสายไหม ข้ามผ่าน 2 ทวีป 17 ประเทศ ระยะทางกว่า 19,250 กิโลเมตร พร้อมพิสูจน์สมรรถนะพันธุ์แกร่งของช่วงล่าง การยึดเกาะถนนอย่างดีเยี่ยมของระบบช่วงล่างใหม่ และความทนทานของเครื่องยนต์ ที่พร้อมรองรับทุกสภาพถนน

ที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ริเริ่มการเดินทางด้วยรถกระบะในรูปแบบคาราวานอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะไฮลักซ์ ภายใต้โครงการ IMV เริ่มตั้งแต่ ปี 2547 ที่เดินทางจากไทย ผ่านลาวตอนเหนือ ก่อนเข้าสู่ภูเขาหิมะมังกรหยก เมืองลี่เจียง ประเทศจีน ต่อมาในปี 2548 คาราวานไฮลักซ์ เดินทางต่อจากเมืองลี่เจียง มุ่งหน้า กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ผ่านระดับความสูงกว่า 5 พันเมตร และปี 2550 กับการเดินทางจากเมืองซีอาน ผ่านเส้นทางการค้าทางบกที่เก่าแก่ที่สุดของโลกเส้นทางสายไหม สู่เมืองทัชเคนต์ อุซเบกิสถาน

ทางด้าน นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดตัว นิสสัน นาวารา ใหม่ ในประเทศไทยเมื่อกลางปี 2557 ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีในทุกรุ่น โดยมียอดจำหน่ายสะสมกว่า 3.5 หมื่นคัน และมียอดจำหน่ายในปี 2558 กว่า 2 หมื่นคัน อีกทั้งส่งออกไปจำหน่ายกว่า 45 ประเทศทั่วโลก ล่าสุด บริษัทรุกตลาดรถกระบะ ชูนิสสัน นาวารา เจ้าแห่งการบรรทุก เน้นความแกร่งของช่วงล่างและแชสซีส์แบบโมโนเฟรม พร้อมดึง "เท่ง-โหน่ง" คู่หูขวัญใจคนไทยช่วยนำเสนอจุดขายในแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ เน้นจุดขายหลักชัดเจน "คู่หูเถ้าแก่" อยู่คู่ความสำเร็จของธุรกิจการค้าของลูกค้ามายาวนาน

"สำหรับแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ของนาวารานี้ นิสสันได้ชูจุดขายเด่นที่ชัดเจน นั่นคือ ความสามารถในการบรรทุกและบุกตะลุยทุกพื้นที่ และเพื่อสร้างการจดจำอย่างรวดเร็ว จึงใช้พรีเซนเตอร์ "เท่ง-โหน่ง" ดาราคู่หูระดับแนวหน้าของเมืองไทยที่ประสบความ สำเร็จในอาชีพอย่างสูงทั้งด้านงานแสดงและธุรกิจส่วนตัว สะท้อนความแข็งแกร่งผ่านความทุ่มเท อดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากที่ผ่านเข้ามา เป็นคู่หูที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเช่นเดียวกับเจ้าของธุรกิจที่จำเป็นต้องมีพาหนะคู่หูที่ช่วยดำเนิน การงานและธุรกิจ ผมมั่นใจว่าความสนุกสนานเป็นกันเองของ "เท่ง-โหน่ง" จะช่วยให้กลุ่มลูกค้ารับรู้จุดขายโดดเด่นของนาวาราได้เป็นอย่างดี"

นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด กล่าวว่า เราพบว่ามีเจ้าของธุรกิจ หรือ "เถ้าแก่" ทั้งรุ่นเก่าและใหม่ จำนวนมาก เลือกใช้รถนิสสัน ด้วยสมรรถนะและความสามารถในการบรรทุกที่เหนือกว่า ส่งต่อความเชื่อมั่นจากรุ่นสู่รุ่น และเมื่อถามถึงจุดเริ่มต้นการเลือกใช้ ก็พบว่าลูกค้าใช้กระบะนิสสันเป็นพาหนะคู่ใจมาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจและยังคงไว้วางใจตลอดมา แม้จะเป็นเถ้าแก่ใหญ่แล้วก็ตาม ซึ่ง นิสสัน นาวารา มีราคาเริ่มต้นที่ 5.29 แสนบาทสำหรับรุ่นซิงเกิ้ลแค็บ โดยทุกรุ่นมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถและอุปกรณ์ตกแต่งแท้ทุกชิ้นส่วน 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร

นายซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำคุณภาพในการผลิตเพื่อส่งออก ขยายตลาดภูมิภาคอาเซียน บริษัทได้ส่งมอบรถ กระบะ ทาทา ซีนอน 4x2 กระบะตอนเดียว 553 คัน ให้กับสำนักงานไปรษณีย์และขนส่งทางบกมาเลเซีย เบอร์ฮัด (POS Malaysia Berhad) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจขนส่งทางไปรษณีย์ ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ทั่วไป ไปรษณีย์เร่งด่วนพิเศษ และการส่งพัสดุต่างๆ โดยดัดแปลงติดตั้งตู้บรรทุกสินค้าที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ

"การส่งออกรถกระบะทาทา ซีนอน ไปมาเลเซียในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่า ในตลาดต่างประเทศให้ความไว้วางใจเราในด้านคุณภาพการผลิตที่มีมาตรฐาน เนื่องจากมั่นใจว่า ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย มีคุณภาพด้านการผลิตที่สูง และแน่นอนว่าเราจะพัฒนาการผลิตและประกอบรถยนต์ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือและมีความคุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับทั้งลูกค้าชาวไทยและเพื่อการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งนอกจากขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนแล้ว เราจะผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลียในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,166 วันที่ 16 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559