เกรย์ฮาวด์โชว์โฉมร้านรูปแบบใหม่ รับสไตล์คนเจนวายช็อปจุดเดียว

23 พ.ค. 2559 | 09:00 น.
เกรย์ฮาวด์สบช่องตลาดแฟชั่นโตต่อเนื่อง เปิดแฟล็กชิพสโตร์ร้านรูปแบบใหม่ Greyhound Lifestyle shop ภายใต้แนวคิด “#LIVE LIKE HOUND” by Greyhound สาขาแรกที่สยามพารากอน ก่อนขยายเพิ่ม 2 สาขาในปีนี้ พร้อมชูร้านแฟชั่นเจาะหัวเมืองใหญ่ ลุยนำร่องที่หัวหินชี้ได้รับเสียงตอบรับดี

นายภาณุ อิงคะวัต กรรมการ บริษัท กลุ่มเกรย์ฮาวด์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “greyhound” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทได้เปิดสาขาแฟล็กชิพสโตร์ของร้านรูปแบบใหม่ Greyhound Lifestyle shop รูปแบบไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “#LIVE LIKE HOUND” by Greyhound โดยสาขาแรก ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน บนพื้นที่ 150 ตร.ม.ใช้งบเฉพาะการตกแต่งประมาณ 2 ล้านบาท ภายในร้านตกแต่งภายใต้แนวคิด Apartment หลังหนึ่ง ประกอบด้วยมุมห้องนอน ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องครัว เป็นต้น โดยแบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ 60% และสินค้าครีเอทีฟลิฟวิ่ง 40% ซึ่งเป็นสินค้าของทั้ง Greyhound, Playhound, Smileyhound, Everythinghound และสินค้าแบรนด์ไทยอีก 40 แบรนด์เข้ามาวางจำหน่ายภายในร้าน

“เกรย์ฮาวด์มีชื่อเสียงทั้งในส่วนของแฟชั่นเสื้อผ้าและธุรกิจอาหาร ดังนั้นการที่เราผสมผสานร้านไว้ในจุดเดียวกันก็ถือเป็นการทำตลาดร่วมกัน อีกทั้งยังรองรับไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน(GEN Y ) ที่ชื่นชอบการมาที่จุดๆเดียวแล้วมีครบทุกอย่างตามที่ต้องการ ทั้งการช็อปปิ้งและมีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ”

ขณะเดียวกันภายในปีนี้ได้เตรียมแผนขยายสาขาคอนเซ็ปต์ร้านรูปแบบใหม่นี้เพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งจะเป็นการรีโนเวตสาขาเดิมให้กลายเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ และอีก 1 สาขามีความเป็นไปได้คือที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีศักยภาพทางการเติบโตที่ดีตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีแผนนำคอนเซ็ปต์ใหม่ขยายสาขาไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงต้นปี 2560 เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์

ขณะที่ร้านแฟชั่นเกรย์ฮาวด์เดิมนั้น บริษัทมีแผนขยายสาขาไปยังหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดเพื่อรองรับความต้องการ หลังจากช่วง 14 เดือนที่ผ่านมาได้เปิดสาขานอกกรุงเทพฯเป็นสาขาแรกที่ โครงการ Seenspace ( ซีนสเปซ ) หัวหิน พบว่าได้รับเสียงตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี โดยมีแผนจะขยายสาขาต่อไปที่ภูเก็ตภายในปีนี้

ส่วนการสร้างแบรนด์นับจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และการสร้างความสดใหม่ของคอลเลกชันทุกๆ 6 เดือน ล่าสุดได้เปิดตัวคอลเลกชัน วินเทจ รีมิกซ์ เข้ามาเจาะตลาดช่วงนี้ ขณะที่การทำตลาดในต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับการจับมือกับพาร์ตเนอร์ในการขยายตลาดระยะยาวมากกว่าการไปออกบูธตามงานแฟร์ เนื่องจากเป็นการทำตลาดเพียงระยะสั้นๆ และไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ปัจจุบันบริษัทมีการทำตลาดแล้วในหลายประเทศ อาทิ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ทั้งในกลุ่มธุรกิจเสื้อผ้าและร้านอาหาร เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น Thai Lifestyle Brand

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าภาพรวมการเติบโตของสินค้าในกลุ่มแฟชั่นของบริษัทในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 12-13% เนื่องจากปัจจัยบวกในหลายด้านทั้งสภาพเศรษฐกิจกำลังซื้อที่กลับมา อีกทั้งในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่าบริษัทมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,159 วันที่ 22 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559