‘เลสเตอร์ ซิตี้’ฟีเวอร์ ต่อยอดธุรกิจ ‘คิงเพาเวอร์’ยกระดับท่องเที่ยว-กีฬา สู่สากล

24 พ.ค. 2559 | 09:00 น.
การนำทีมนักฟุตบอล "เลสเตอร์ ซิตี้" แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษฤดูกาล 2015/16 มาเยือนไทย เมื่อวันที่ 18-19 พฤษภาคม 2559 เพื่อขอบคุณแฟนบอลชาวไทย พร้อมนำถ้วยแชมป์พรีเมียร์ ลีก มาให้คนไทยทั้งประเทศได้ร่วมฉลอง มีการจัดขบวนแห่ตามเส้นทางระหว่างคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นับเป็นการปลุกกระแสอย่างมีนัยสำคัญ ที่ช่วยสร้างอิมแพ็กต์และอิมเมจให้กับคิงเพาเวอร์ได้อย่างมหาศาล โดยไม่ต้องทุ่มงบในการทำตลาด

คาดรายได้เลสเตอร์ปีนี้1 หมื่นล.

เนื่องจากวันนี้คนไทยทั้งประเทศคงรู้แล้วว่าสโมสรฟุตบอลแห่งนี้มีเจ้าของเป็นคนไทย 100% ซึ่งจะเอื้อต่อการขยายฐานแฟนบอลชาวไทยให้เพิ่มขึ้น จากความรู้สึกรักชาติ อยากเชียร์ทีมของคนไทยไหนจะเรื่องของการต่อยอดธุรกิจที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงทำให้คิงเพาเวอร์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว ชนิดที่ว่าใช้เงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ ซึ่ง เรื่องนี้ คุณต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ซิตี้และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯรู้ดีว่าคนไทยมีทีมอังกฤษที่ตัวเองเชียร์อยู่แล้วเป็นเบอร์ 1 แต่หวังจะให้"เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่ 2 ภายในใจของคนไทยทุกคน"

" ปัจจุบันเลสเตอร์ ซิตี้ มีแฟนคลับชาวไทย เฉพาะในเฟซบุ๊ก แฟนเพจ อยู่ 5.5 แสนคน นับจากวันแรกที่มีอยู่เพียง 3 พันคน ขณะที่แฟนบอลทั่วโลกเฉพาะในเฟซบุ๊ก แฟนเพจ มีอยู่ราว 5 ล้านกว่าคน แต่นับจากนี้ผมมั่นใจว่าจะเติบโตเร็วมาก ด้วยเรื่องราวของเลสเตอร์ ซิตี้ กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น" รองประธานสโมสรกล่าว กล่าว การเติบโตของแฟนคลับขณะนี้ สะท้อนได้ชัดเจนจากเสื้อของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ขาดตลาดอยู่ในขณะนี้ ทั้งที่ในปีนี้มีการสั่งผลิตเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 3 เท่า คือจาก 5 หมื่นตัว เพิ่มมาเป็น 8 หมื่นตัว และปีหน้าสั่งผลิตไปเพิ่มอีก 9 เท่า หรือราว 1.2 แสนตัวก็ตาม

การเติบโตของรายได้จากการขายเสื้อและสินค้าที่ระลึกของ "เลสเตอร์ ซิตี้" ถือว่าเป็นรายได้ที่ขยายตัวตามจำนวนแฟนคลับที่เพิ่มขึ้น และยังมีโอกาสในการเติบโตสูงขึ้นได้อีกมาก และจะเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้สำคัญเพิ่มเติมขึ้นจากรายได้หลักของเลสเตอร์ ซิตี้ซึ่งที่ผ่านมาจะเป็นรายได้จากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ ลีก รายได้จากสปอนเซอร์เป็นหลัก

ต่อเรื่องนี้นายอัยยวัฒน์ เผยถึงตัวเลขรายได้ของเลสเตอร์ ซิตี้ปีนี้ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 40% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ราว 6 พันล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เติบโตขึ้น หลัก ๆ มาจากส่วนแบ่งรายได้ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่พรีเมียร์ ลีก แบ่งให้มา แต่แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเรามีแผนการเสริมทัพดึงนักเตะเข้ามาเพิ่ม ซึ่งคงจะเห็นนักเตะใหม่ๆ เร็ว ๆ นี้ก่อนปิดตลาดซื้อขาย และคาดว่าปีนี้เลสเตอร์ ซิตี้ น่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 20 ล้านปอนด์(ราว 1 พันล้านบาท)

ซื้อที่เพิ่มเล็งผุดโรงแรม

อีกทั้งไม่เพียงแต่การขยายฐานแฟนคลับเท่านั้น การต่อยอดธุรกิจก็ยังเป็นแผนที่จะตามมา ซึ่งนอกจากแผนการขยายที่นั่งในสนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม อีก 1 หมื่นที่นั่ง จาก 3.2 หมื่นที่นั่งเป็น 4.2 ที่นั่ง ที่อยู่ระหว่างการก่ออนุญาตจากหน่วยงานของเมืองเลสเตอร์แล้ว ล่าสุดยังได้ไปซื้อที่ดินรอบข้าง เพื่อขยายการดำเนินธุรกิจอื่น ๆในเมืองเลสเตอร์ ที่ตามแผนมองไว้ว่าจะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับฟุตบอลและตอบสนองชาวเมือง ซึ่งกำลังศึกษาแผนลงทุนอยู่ อาจจะเป็นโรงแรม อีเวนต์คอนเสิร์ต เป็นต้น

ขณะที่ในแง่ของการโปรโมตธุรกิจของคิงเพาเวอร์ ยิ่งเลสเตอร์ ซิตี้ ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ แบรนด์คิงเพาเวอร์ก็จะยิ่งเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นและไม่เพียงแต่การขายสินค้าดิวตี้ฟรีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขายสินค้าที่ระลึกของเลสเตอร์ ซิตี้ ภายในร้านดิวตี้ฟรีของคิงเพาเวอร์ รวมถึงการขายผ่านคิงเพาเวอร์ ออนไลน์(www.KingPowerOnline.com) โดยมีสินค้าที่ระลึก ที่ถูกผลิตขึ้นมาในแบบ ลิมิเต็ด อิดิชัน สำหรับการร่วมฉลองแชมป์เป็นตัวชูโรงในการขายผ่านทางออนไลน์ในขณะนี้

ในส่วนประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้ หรือกระแสปรากฏการณ์เลสเตอร์ ซิตี้ฟีเวอร์ ตอบได้คำเดียวว่าขึ้นอยู่กับการต่อจิกซอว์ของหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ที่จะหยิบกระแสนี้ไปต่อยอดเพื่อสร้างอิมแพ็กต์ของตัวเองอย่างไร

ททท. ต่อยอดบูมท่องเที่ยว

ที่เห็นชัดเจน ณ ขณะนี้ คือ เรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่นอกจากการที่ผ่านมาจะมีการโปรโมตการท่องเที่ยวไทย ผ่านโลโกแคมเปญอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ที่ติดตั้งอยู่ภายในสนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยมแล้ว ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ก็ได้หารือกับคิงเพาเวอร์ไว้แล้ว จะทำโครงการร่วมกันออกมา ใน 2 โครงการหลัก คือ การท้าให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ และท้าให้คนอังกฤษมาเที่ยวไทย ผ่านแคมเปญไวรัลมาร์เก็ตติ้ง โดยมีนักเตะชั้นนำของเลสเตอร์ ซิตี้ ออกมาท้าผ่านคลิปวีดีโอ ให้เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งมีการอัดคลิปวีดีโอไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับท้าให้คนไทยเที่ยวไทย

นายศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการ ด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า โครงการแรกที่พร้อมดำเนินการก่อน คือ การท้าคนไทย เที่ยวไทย หรือ "เลสเตอร์ ซิตี้ ฟุตบอล คลับ ชาเล้นท์ เที่ยวไทย" โดยคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศทุกเดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายนนี้ ตามธีมในแต่ละเดือนที่ททท.วางไว้ เช่น เดือนมิถุนายน เที่ยวชิมอาหารถิ่น เดือนกรกฏาคม เที่ยวตามรอยบุญ เดือนสิงหาคม สิงหาพาแม่เที่ยว เดือนกันยายน เที่ยวก่อนเกษียณ หรือพาผู้ใหญ่อายุ 55 ปีขึ้นไปเดินทางท่องเที่ยว หากเที่ยวทุกเดือนตามธีมที่วางไว้ และนำใบเสร็จค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว ส่งมายัง www.thailandhero.com ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมไทยเที่ยวไทยของททท.ก็มีสิทธิลุ้นโชคได้รับการคัดเลือกไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยที่ประเทศอังกฤษ เป็นสิทธิประโยชน์ที่ได้เพิ่มเติมจากการชิงรางวัลทุนท่องเที่ยวเดือนละ 1 ล้านบาท ส่วนโครงการระยะที่2 ที่จะต้องมีการหารือกับคิงเพาเวอร์ในรายละเอียดต่อไป คือ การท้าให้คนอังกฤษมาเที่ยวไทย

พัฒนาเด็กไทยก้าวสู่บอลโลก

นอกจากนี้ในแง่ของการส่งเสริมกีฬาฟุตบอลไทย กับฝันที่จะผลักดันบอลไทยไปบอลโลก ทางคิงเพาเวอร์ ได้ร่วมมือกับสปอนเซอร์ต่างๆ ทำโครงการ "เลสเตอร์ ซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลอะคาเดมี่" ซึ่งมีการคัดเลือกเด็กไทยอายุต่ำว่า 16 ปี ไปเรียนรู้ฟุตบอลที่เลสเตอร์ ซิตี้ และศึกษาในระดับไฮสคูล ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง ที่ดำเนินการไปแล้ว 1 รุ่น จำนวน 16 คน

สเต็ปต่อไปก็มีเป้าหมายว่าภายใน 10 ปีหรือภายในปี 2569 จะคัดเลือกเด็กไทยเข้าร่วมโครงการนี้ได้อีก 100 คน หรือปีละราว 10 คน เพื่อวางรากฐาน การเรียนรู้และฝึกฟุตบอลแบบมือ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,159 วันที่ 22 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559