นายภิญโญ ศรีสมวงษ์ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งจะเน้นการลงพื้นที่ตรวจรถแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร หรือเลือกรับแต่ผู้โดยสารที่เป็นชาวต่างชาติ และไม่ใช้มาตรมิเตอร์ และส่งผู้โดยสารไม่ถึงจุดหมาย โดยใช้อัตราโทษปรับเต็มอัตราสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท และนำประวัติเข้าบันทึกในระบบ หากมีการกระทำผิดเกิน 2 ครั้งต่อเดือน จะถูกพักใช้ใบอนุญาต 15 วัน หลังตรวจสอบผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะมาแล้วเกือบ 2 ปีแล้ว จากการตรวจสอบ และประเมินผล รวมถึงการให้ข้อมูลจากห้างสรรพสินค้า พบว่ามีการร้องเรียนแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารลดลงมากกว่าร้อยละ 90 ประกอบกับห้างสรรพสินค้าให้ความร่วมมืออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ในการจัดจุดเรียกรถแท็กซี่ ภายในห้างสรรพสินค้าเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทำให้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารลดลงไปมาก เพราะรถแท๊กซี่ที่เข้ามาบริเวณนี้ตั้งใจจะเข้ามารับผู้โดยสารอยู่แล้ว รวมทั้งยังมียังมีการตรวจสอบรถสามล้อที่จดทะเบียนในจังหวัดใกล้เคียง จะไม่สามารถเข้ามารับผู้โดยสารภายในเขตกรุงเทพมหานครได้ หากมีการฝ่าฝืน จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
การลงพื้นที่ในแต่ละครั้ง สามารถลดการกระทำผิดของผู้ขับขี่ลงได้ อาจจะเปลี่ยนไปลงพื้นที่บริเวณอื่นที่ยังมีการร้องเรียนอยู่แทน เช่นถนนพหลโยธิน7 หรือซอยอารีย์ และเอเชียทีค ส่วนการลงตรวจในวันนี้ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด ขณะที่สภาพการจราจร บริเวณถนนพระราม1 หน้าสนามกีฬาศุภชลาสัย เริ่มที่จะติดขัด เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังเดินทางกลับบ้าน
สำหรับกรมการขนส่งทางบก ได้ ดำเนินการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะภายใต้นโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้กับประชาชนในจุดที่มีการจราจร หนาแน่น จนกีดขวางเส้นทาง โดยทำหน้าที่ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก ออกปฏิบัติงานทุกวัน ตามจุดต่างๆ เช่นจุดที่มีผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะจำนวนมากตามโครงการราชประสงค์โมเดลของกรมการขนส่งทางบก ที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยในเรื่องทั่วๆไปเช่น การให้บริการ การต่อภาษีรถ ป้ายทะเบียนรถต้องเป็นป้ายเหลือง ความปลอดภัยของตัวรถทั้งภายนอกและภายใน