สตาร์บัคส์รุกบริการโมบายต่อเนื่อง เตรียมขยายฟีเจอร์ใหม่สู่เอเชียปีนี้

06 เม.ย. 2559 | 01:00 น.
สตาร์บัคส์ เดินหน้าลงทุนพัฒนาแอพพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้าภายในร้านผ่านทางสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมขยายบริการสั่งออร์เดอร์ล่วงหน้ามาสู่ตลาดเอเชียในปีนี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สตาร์บัคส์ เชนร้านกาแฟชื่อดังของสหรัฐอเมริกา เตรียมนำฟีเจอร์ใหม่บนโมบายแอพพลิเคชันของตนเอง ซึ่งเปิดให้บริการในร้านค้าทั่วสหรัฐฯ เมื่อปีก่อน เข้าสู่ตลาดจีนและญี่ปุ่นในปี 2559 โดยฟีเจอร์ดังกล่าวที่ใช้ชื่อว่า Mobile Order & Pay เปิดให้ผู้บริโภคสามารถสั่งและชำระเงินค่าเครื่องดื่มล่วงหน้าผ่านทางสมาร์ทโฟนและมารับสินค้าได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าแถวชำระเงิน

นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังมีแผนจะทดลองบริการจัดส่งสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชันในสหรัฐฯ พร้อมเปิดให้บริการฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น บริการแนะนำเมนูรายบุคคล "แอพพลิเคชันมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันกลายมาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของเรา" อดัม บร็อตแมน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิตอลของสตาร์บัคส์ กล่าว

สตาร์บัคส์เปิดให้บริการแอพพลิเคชันของตนเองเมื่อปี 2554 เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคชำระเงินค่าสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน และได้รับความนิยมอย่างสูงในทันที จนผู้เชี่ยวชาญบางรายกล่าวว่า แอพพลิเคชันของสตาร์บัคส์นับเป็นการเปิดตัวระบบเพย์เมนต์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์

บร็อตแมนเชื่อว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การทำธุรกรรมในร้านกาแฟสตาร์บัคส์ทั่วสหรัฐฯ อาจเกิดขึ้นผ่านโมบายแอพพลิเคชันเกินกว่า 50% ซึ่งริชาร์ด โครน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทที่ปรึกษาด้านโมบาย โครน คอนซัลติง กล่าวว่า แนวโน้มดังกล่าวอาจหมายถึงรูปลักษณ์ภายในร้านกาแฟสตาร์บัคส์ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตให้มีความคล้ายคลึงกับร้านค้าอย่างแอปเปิลสโตร์มากขึ้น

สตาร์บัคส์กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกรรมกว่า 21% ของร้านค้าในสหรัฐฯ ที่สตาร์บัคส์เป็นเจ้าของเกิดขึ้นผ่านแอพพลิเคชัน โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีคำสั่งซื้อประมาณ 7 ล้านรายการที่เกิดขึ้นผ่านอุปกรณ์โมบาย ขณะที่การใช้บริการสั่งซื้อล่วงหน้าคิดเป็นสัดส่วน 15% ของธุรกรรมที่ทำผ่านแอพพลิเคชัน และ 3% ของธุรกรรมทั้งหมด

ทั้งนี้ หนึ่งในตลาดที่สตาร์บัคส์จะให้ความสำคัญคือตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดของบริษัท ผู้บริหารของสตาร์บัคส์เชื่อว่าบริการโมบายเพย์เมนต์มีศักยภาพที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายในจีนได้ เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แจ๊ค รุสโซ นักวิเคราะห์จากเอ็ดเวิร์ด โจนส์ แอนด์ โค กล่าวว่า แอพพลิเคชันช่วยเพิ่มจำนวนการทำธุรกรรมของสตาร์บัคส์ได้ 15-20% ในสหรัฐฯ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก โดยการสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้รายได้ของเชนเติบโตขึ้นถึง 17% เมื่อปีงบประมาณที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550

สำหรับในปีนี้ สตาร์บัคส์มีแผนจะเริ่มให้บริการแนะนำเมนูสินค้าให้กับผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผู้ให้บริการคอนเทนต์อย่าง เน็ตฟลิกซ์ หรืออเมซอน ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว โครนให้ความเห็นว่า ยิ่งสตาร์บัคส์ให้บริการแนะนำสินค้าแบบเฉพาะเจาะจงรายบุคคลมากขึ้น มีโอกาสที่จะเพิ่มยอดการซื้อสินค้าในแต่ละครั้งได้มากถึง 50%

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์เป็นเชนร้านอาหารที่รุกหนักในการลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยในปีนี้บริษัทกล่าวว่าจะลงทุนเป็นมูลค่ามากถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการด้านหุ้นส่วนและดิจิตอลทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปีก่อน ขณะที่เชนร้านอาหารอื่นๆ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหลังเห็นว่าแอพพลิเคชันช่วยเพิ่มยอดขายได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,145 วันที่ 3 - 6 เมษายน พ.ศ. 2559