ซัมมิท ฮอนด้า รุกดิจิทัลแพลทฟอร์ม

25 มิ.ย. 2562 | 04:53 น.

ซัมมิท ฮอนด้า กางแผนธุรกิจ ด้วยการเปิดสายด่วน 1334 Summit Honda Connect หวังตอบทุกคำถามเพื่อช่วยยกระดับบริการครบวงจร และมุ่งสู่ดิจิทัลแพลทฟอร์มในอนาคต

 

 นาย ทวีวัฒน์ ปรุงพัฒนสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัดภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย หนึ่งในผู้จำหน่ายรถยนต์ ฮอนด้า อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการยกระดับบริการแบบครบวงจร  และเป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิทัล โดยมีเป้าหมายสำคัญคือcustomer centric หรือลูกค้าเป็นศูนย์กลางที่ต้องสร้างความพึงพอใจสูงสุด  

ซัมมิท ฮอนด้า รุกดิจิทัลแพลทฟอร์ม

จากเป้าหมายดังกล่าว ทำให้บริษัทฯเพิ่มเบอร์โทร 1334 ‘One for All’  เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อที่สะดวกและครบวงจร สามารถรองรับฐานลูกค้ากว่า 7 หมื่นราย  จากจำนวนซัมมิท ฮอนด้า ทั้ง 5 สาขา ได้แก่  พัฒนาการ, อุดมสุข, หัวหมาก, บางนา และหาดใหญ่  ซึ่งแต่ละปีจะมีรถเข้ารับบริการกว่า 6 หมื่นคัน           

 “เราต้องการยกระดับบริการสำหรับลูกค้า ผ่านทุกช่องทาง อาทิ โทรศัพท์, เว็บไซต์, อีเมล์,เฟซบุค,ไลน์ และอื่นๆ  ซึ่งการให้บริการนั้นจะครบวงจร ตั้งแต่ การสอบถามข้อมูลรถใหม่, บริการหลังการขาย, นัดหมายเข้ารับบริการ และบริการรถมือสอง หรือ เทรด-อิน ซึ่งสามารถประเมินราคาเบื้องต้น โดยลูกค้าสามารถส่งรูปรถพร้อมข้อมูลที่จำเป็น ทำให้ช่วยประหยัดเวลาเดินทาง อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการในอนาคต “

ซัมมิท ฮอนด้า รุกดิจิทัลแพลทฟอร์ม

นาย ทวีวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการ 1334 จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยคอลล์เซ็นเตอร์จะใช้ระบบ IVR (Interactive Voice Response) รองรับได้พร้อมกัน 200 คู่สาย รวมถึงมี สมาร์ท คอลล์แบค ฟังก์ชัน ระบบบันทึกสายที่โทรเข้ามาแล้วไม่ได้รับ และเมื่อคู่สายว่าง ก็สามารถโทรกลับโดยอัตโนมัติ นอกจากระบบข้างต้นแล้ว  บริษัทฯยังมี คอลล์ มอนิเตอร์ แดชบอร์ด  ที่ตรวจสอบจํานวนสายโทรเข้าแบบเรียลไทม์ เพื่อบริหารจํานวนเจ้าหน้าที่รับสายให้มีประสิทธิภาพ และรองรับปริมาณลูกค้าได้อย่างเหมาะสม

 

ซัมมิท ฮอนด้า รุกดิจิทัลแพลทฟอร์ม

 “เราเตรียมแผนรองรับทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยเฉพาะในไลน์ ที่ตอนนี้กำลังร่วมมือกับทีมพัฒนาจากบริษัท ไลน์ ประเทศไทย ที่จะช่วยเชื่อมต่อทุกช่องทางเข้าด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแผนงานทั้งหมดที่ได้จัดทำในตอนนี้จะช่วยยกระดับการบริการให้ตอบโจทย์อย่างครอบคลุมทุกมิติ สอดรับกับนโยบายการบริหารธุรกิจแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบในอนาคต เพื่อความพึงพอใจสูงสุด สำหรับลูกค้าทุกๆ ราย”