กลุ่มสามารถฯโชว์ระบบ IT ที่สนามบินกระบี่

กลุ่มสามารถฯ โชว์ระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง หลังคว้าโครงการที่ท่าอากาศยานกระบี่ มูลค่า 104 ล้านระยะเวลา 5 ปี

นายอรรถพร เนื่องอุดม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ เปิดเผยว่าในปี 2561 จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวรวมแล้ว กว่า 4 ล้านคน จากหลายประเทศ อาทิ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย อังกฤษ รัสเซีย เกาหลีใต้และอื่นๆ  ด้วยจำนวนเที่ยวบินเกือบ 30,000 เที่ยว 

ตามแผนยุทธศาสตร์กรมท่าอากาศยาน ปี 2560-2564 คือ การนำระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing Systems : CUPPS) มาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเคาน์เตอร์เช็คอินและการบริหารจัดการประตูทางออกขึ้นเครื่อง (Boarding Gates)  ช่วยลดความคับคั่งของอาคารผู้โดยสาร และสร้างความพึงพอใจของผู้โดยสารที่มาใช้บริการที่สนามบินให้เพิ่มขึ้น (Passenger Experiences) ทั้งนี้ ด้วยเป้าหมายในการที่จะยกระดับมาตรฐานการบริการให้เทียบเท่ากับท่าอากาศยานนานาชาติอื่นๆ (Airport Service Quality : ASQ) และพร้อมที่จะก้าวทันมาตรฐานสากลในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้งานอย่างต่อเนื่อง (New Standards & Technology for Future Trend) ทั้งนี้ ท่าอากาศยานกระบี่ ได้นำร่องติดตั้งระบบ CUPPS ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2561ที่ผ่านมา

สำหรับแผนพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ต่อไป คือ โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 และโครงการปรับปรุงที่พักผู้โดยสารหลังที่ 1 และ 2 พร้อมอาคารจอดรถยนต์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารจากเดิม 1,500 คน ต่อชั่วโมง เป็น 3,000 คนต่อชั่วโมง นอกจากนี้ ก็มีงานก่อสร้างและขยายลานจอดเครื่องบิน เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินได้ 40 ลำ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2565 

ด้านนาย สุชาติ ดวงทวี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า งบประมาณสำหรับโครงการนี้มีจำนวน 104 ล้านบาท ติดตั้งระยะเวลา 5 ปี แบ่งจ่ายต่อเดือนละ 1 ล้านบาท นอกจากติดตั้งระบบแล้ว รวมไปถึงงานบริการและบำรุงรักษา ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรองรับมาตรฐานจากหน่วยงานกำกับมาตรฐานการบินสากลอย่าง IATA  นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

   “เราใช้เวลาติดตั้ง5เดือน และ เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 1  พ.ย.2561  ที่ติดตั้งได้เร็ว เพราะทางท่าอากาศยานร่วมมือกับบริษัทเราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้วิธีน็อคดาวน์ถอดทีละเคาน์เตอร์ออกจนระบบเสร็จ ในระบบ CUUPS สามารถใช้งานทุกสายการบิน “

   นอกจากนี้ได้ติดตั้งระบบ CUPPS ที่สนามบินอื่นๆ ภายใต้ ทอท. จำนวน800 เคาน์เตอร์ โดยสนามบินดอนเมือง ใช้แล้ว 5 แสนราย,เชียงใหม่ 50% ภูเก็ต 65% รวมไปถึงเชียงราย และ หาดใหญ่

ขณะที่นายสุเมช ปาเทล (Mr. Sumesh Patel) ประธานกรรมการ บริษัท ซีต้า ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค กล่าวเสริมว่า 

ความร่วมมือกับ กลุ่มสามารถเทลคอม จะสามารถนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ SITA ไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสนามบิน และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร ซึ่งกลุ่มสามารถเทลคอมได้รับสิทธิในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านสนามบินของ SITAในประเทศไทย และได้รับการรับรองในฐานะ Business Partner ซึ่งจะสามารถให้บริการแก่สนามบินได้อย่างใกล้ชิด ด้วยทีมงานวิศวกรชาวไทยที่มีความชำนาญ และความคล่องตัวในการดูแลและซ่อมบำรุง

   ทั้งนี้โครงการ"จ้างให้บริการและบำรุงรักษาระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง ณ ท่าอากาศยานกระบี่" เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัทสามารถเทลคอมให้บริการในนาม บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด โดยร่วมกับพันธมิตรระดับโลก คือ SITA ผู้นำในด้านการให้บริการระบบสื่อสารการขนส่งทางอากาศและเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของโลก     บริการดังกล่าวเป็นหนึ่งในบริการด้าน Airport Solutions ที่กลุ่มบริษัทสามารถเทลคอมได้ให้บริการตั้งแต่ปี 2549 ในท่าอากาศยานระดับประเทศ คือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และขยายการให้บริการไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต, เชียงใหม่, เชียงราย, หาดใหญ่, ดอนเมือง, และล่าสุดที่ท่าอากาศยานกระบี่

    ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรกกลุ่มสามารถเทลคอม มีรายได้รวม 2,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 150% โดยในต้นปี 2562 กลุ่มสามารถเทลคอมได้มีการเซ็นสัญญาโครงการไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท อาทิ โครงการจัดหา พัฒนา ติดตั้ง และดูแลบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจหลักของการไฟฟ้าภูมิภาค, โครงการติดตั้งและพัฒนาระบบสารสนเทศธุรกิจหลัก หรือ Core Business Process System ให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME Bank และ โครงการของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย เป็นต้นส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท