Huawei เป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G เหนือสหรัฐฯ ได้อย่างไร?

24 เม.ย. 2562 | 07:41 น.

รายงานพิเศษ โดยบัณฑูร  วงศ์สีลโชติ

รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

 

5G มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของนานาประเทศอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีนี้โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ทำให้หลาย ๆ สิ่งที่มีในวันนี้จะหายไป สิ่งใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นมากมาย 5G จะทำให้ระบบสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว  

Huawei เป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G  เหนือสหรัฐฯ ได้อย่างไร?

 

จากตารางที่เห็นได้ชัดคือ คอลัมน์ขวาสุด หากจะโหลดภาพยนตร์ที่เป็น HD ขนาด 5GB จะสามารถทำได้เสร็จในเวลาเพียง 40 วินาทีจากเดิมที่อาจต้องใช้เวลามากถึง 7 นาทีในระบบ 4G หรือมากกว่า 1 วันในระบบ 3G  ความเร็วในการส่งข้อมูลระดับนี้ เร็วกว่า 4G มากถึง 10 เท่า คือ จาก 12.5 MB ต่อวินาที เป็น 125MB ต่อวินาที ทำให้สามารถพัฒนานำไปใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการการสื่อสารที่รวดเร็ว เกิดประสิทธิภาพสูง เช่น ใช้กับการพัฒนาความจริงเสมือน (Virtual Reality, VR) ใช้กับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence, AI)  ใช้กับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ หรือระหว่างเครื่องจักร (Internet of Things, IoT) ใช้กับรถยนต์ที่วิ่งไร้คนขับ (Driverless) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีสมาร์ทซิตี้ (Smart City) ใช้กับหุ่นยนต์ (Robots) ที่จะตอบสนองคำสั่งได้เร็ว หรือหุ่นยนต์ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ มีประสิทธิผลกับการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ฯลฯ 

 

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะก่อให้เกิดอุปสงค์ในสินค้าที่แตกต่างจากสินค้าทุกวันนี้ เป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีนี้มากมายยิ่งใหญ่มหาศาล เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก จะมีผลต่อการใช้ชีวิตดำรงอยู่ของผู้คนในโลก สร้างมูลค่าธุรกิจเพิ่มขึ้นมากกว่าหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐฯในแต่ละปี และจะมีการสร้างงานจำนวนมาก สิ่งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่ การจราจรที่จะรองรับรถยนต์ไร้คนขับบนถนน การปฏิวัติการผลิตอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ อันเกิดจากการนำ 5G ไปใช้ ทั้งหมดนี้ บริษัทหัวเว่ยจะเป็นผู้นำ และจะได้รายได้จากธุรกิจนี้มากที่สุด และจะทำให้เศรษฐกิจจีนมั่นคงด้วยการเป็นผู้นำเทคโนโลยีสื่อสารที่สำคัญที่สุดของโลกที่นานาประเทศต้องพึ่งพา

เมื่อนานาประเทศติดตั้งอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ย  อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ต้องผลิตบนมาตรฐาน 5G ของหัวเว่ย  ทำให้การพึ่งพาที่อดีตเคยมีกับสหรัฐฯ ต้องหันไปพึ่งพาจีนแทน รัฐบาลจีนมองเห็นความสำคัญนี้ จีนจึงได้บรรจุ 5G ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 13 ปี เป็นส่วนสำคัญของโครงการ Made in China 2025 เพราะประเทศจีนรู้ว่าจีนจะกลายเป็นเจ้าของมาตรฐานเครือข่ายการสื่อสารของนานาประเทศทั่วโลกในอนาคต กลายเป็นผู้นำแทนสหรัฐฯ 

 

อะไรทำให้สหรัฐฯล้าหลังจีน ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นผู้นำเรื่องเทคโนโลยีสื่อสารเหนือทุก ๆ ประเทศในโลกมานานกว่า 30 ปี ปัจจัยสำคัญเกิดจากรัฐบาลสหรัฐฯปล่อยให้มีการแข่งขันเสรีมากเกินไป โดยฉพาะด้านมาตรฐานเครือข่ายไร้สาย โดยให้บริษัทโทรคมนาคมแย่งกันชิงความยิ่งใหญ่ในการสร้างมาตรฐานเครือข่ายไร้สายของตนเอง เพื่อหวังชิงการผูกขาดตลาด จึงมีหลายมาตรฐานของแต่ละบริษัท โทรศัพท์ไร้สายที่ใช้มาตรฐานไร้สายหนึ่ง หากผู้บริโภคจะใช้อีกมาตรฐานก็ต้องซื้อเครื่องใหม่ ทำให้ลูกค้ากระจายออกไปในหลาย ๆ มาตรฐานเครือข่าย แต่การลงทุนแต่ละมาตรฐานค่อนข้างสูง

Huawei เป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G  เหนือสหรัฐฯ ได้อย่างไร?

ความแตกต่างกันทำให้ฐานลูกค้าแต่ละรายไม่โตพอ ส่งผลทำให้ไม่ได้ประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนต่อหน่วย (economy of scale) เมื่อมีต้นทุนสูง การแข่งขันจึงเสียเปรียบ ที่ผ่านมาสหรัฐฯมีมาตรฐานเครือข่ายไร้สายหลายมาตรฐาน เช่น Code Division Multiple Access, or CDMA ซึ่ง Verizon และ Sprint เลือกใช้ ส่วน AT&T และ T-Mobile เลือกใช้ GSM, or Global System for Mobile Communications นอกจากนี้ ยังมี Time-division multiple access (TDMA), Universal Mobile Telecommunications System (UMTS) และ Advanced Mobile Phone Service (AMPS)  อย่างในยุโรปมีการกำหนดให้ใช้มาตรฐานเครือข่ายเดียวคือ GSM ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุดทำให้ได้ประโยชน์จาก economy of scale การลงทุนมีต้นทุนต่ำกว่าจากปริมาณการใช้ที่สูง จึงให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน ความเสียเปรียบทำให้บริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐฯปิดกิจการไป แม้ที่มีเหลืออยู่ก็ไม่สามารถที่จะมีเทคโนโลยี 5G เทียบได้กับหัวเว่ย

 

บริษัทหัวเว่ยก่อตั้งปี 1987 โดยอดีตวิศวกรในกองทัพจีนชื่อ  Ren Zhengfei ปัจจุบันเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสื่อสารมากที่สุดในโลก จำนวนสิทธิบัตรมีมากกว่า 1,529 สิทธิบัตร และลงทุนใน R&D 10% ของรายได้ทุก ๆ ปี แม้สหรัฐฯจะอ้างว่าบริษัทนี้ได้มีการขโมยผลงานวิจัยของสหรัฐฯ ได้ละเมิดสิทธิบัตร แต่ก็ไม่เคยพิสูจน์ได้ นอกจากนี้ ประธานบริษัทหัวเว่ยเคยกล่าวว่า “เราจะขโมยเทคโนโลยีจากสหรัฐฯได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่มีเทคโนโลยีที่จะให้เราขโมย”  ในปี 2018 หัวเว่ยมีรายได้ 1.07 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2017 และมีกำไรเพิ่ม 25% คิดเป็นกำไร 8.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีส่วนแบ่งตลาดโลกมากถึง 29% โดยบริษัทคู่แข่งสองบริษัทสำคัญได้แก่ Nokia มีส่วนแบ่งตลาด 17% และ Ericsson มีส่วนแบ่งตลาด 13%  สินค้าอุปกรณ์สื่อสารผลิต

หัวเว่ยปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าคุณภาพดี เชื่อถือได้ บริการหลังการขายดี และมีราคาถูกกว่าคู่แข่ง 10-20% สามารถติดตั้งอุปกรณ์ได้เร็วกว่าคู่แข่งทั้งสองบริษัท 12-18 เดือน การเอาชนะคู่แข่งจึงเป็นเรื่องง่าย หัวเว่ยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารจีน ทำให้มีเงื่อนไขการชำระเงินที่ง่ายจึงดึงดูดลูกค้าได้ง่าย ปัจจุบันได้รับการสั่งซื้อจากประเทศไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ซาอุดิอาระเบีย ตุรกี ประเทศในอาเซียนทุกประเทศ และจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของหัวเว่ย

Huawei เป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G  เหนือสหรัฐฯ ได้อย่างไร?

สหรัฐฯพยายามบอกประเทศพันธมิตรให้หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ผลิตโดยหัวเว่ยอ้างว่าอาจถูกใช้โดยรัฐบาลจีนเพื่อล้วงความลับของประเทศ แต่ก็ไม่สามารถแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหานี้เมื่อถูกร้องขอ นอกจากอ้างว่าเพราะผู้ก่อตั้งเคยทำงานในอดีตในกองทัพจีนและกิจการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้ประเทศในยุโรปอย่างเยอรมนีไม่เชื่อข้อโต้แย้งของสหรัฐฯ และพิจารณาใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในโครงการ 5G ของเยอรมนี  ประเทศในกลุ่ม Five Eyes 5 ประเทศประกอบด้วยสหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ก็ยังมีอังกฤษและแคนาดาที่ระบุว่าจะพิจารณาใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย โดยอ้างว่าเรื่องความมั่นคง เขาจัดการได้ ยิ่งในอาเซียน ทุกประเทศก็มีแผนใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย โดยจะเริ่มติดตั้งที่มาเลเซียก่อน ตามด้วยไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ การกระทำของสหรัฐฯจึงถูกมองได้ว่า เป็นผู้แพ้ที่ไม่มีมารยาท เปรียบเหมือนคนที่แพ้แล้วพาล ขี้แพ้ชวนตีที่ฝรั่งเรียกว่า sore loser !