'ไวไว' เปิด 3 โมเดล ดันรายได้ทะลุหมื่นล้าน
'ไวไว' ปรับยุทธศาสตร์เดินหน้ารุก 3 โมเดลธุรกิจใหม่ ทั้งร้านอาหาร-ธุรกิจแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร-สินค้าสุขภาพ รับสังคมสูงวัยและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยน มั่นใจ! ดันรายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ใน 5-10 ปีข้างหน้า
นายปรีชา นภาพฤกษ์ชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ "ไวไว ควิกแสบ" และ "ซือดะ" เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้วางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้ ผ่าน 3 โมเดลทางธุรกิจใหม่ ได้แก่ 1.ธุรกิจร้านอาหาร "ควิกเทอเรส" ซึ่งเป็นร้านอาหารที่นำจุดเด่นของบริษัท คือ เส้นบะหมี่ มาเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ทำเป็นอาหารจานหลักและอาหารทานเล่นในราคาที่ย่อมเยา โดยได้เปิดให้บริการสาขาแรกบริเวณหน้าโรงงานไวไว ย่านอ้อมใหญ่ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และมีแผนขยายสาขาที่ 2 ในเดือน พ.ค. นี้ ที่ จ.ชลบุรี รวมถึงสาขาใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ อีก 3-5 แห่ง ทั้งในรูปแบบทุนเองและผ่านระบบแฟรนไชส์ โดยตั้งเป้าขยายให้ครบ 100 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย อังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นต้น
2.ธุรกิจแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยร่วมมือกับบริษัทที่มีชื่อเสียงในการผลิตผลิตผลทางการเกษตร พัฒนาแปรรูปเป็นผงปรุงรส และเครื่องเทศที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย ซึ่งสามารถขายในประเทศและต่างประเทศได้ เป็นการต่อยอดใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรของบริษัท และเป็นการส่งเสริมเกษตรกรที่ปลูกพืชผลทางการเกษตรให้มีรายได้ที่ดีขึ้นอีกด้วย และสุดท้ายกับกลุ่มที่ 3 ธุรกิจอาหารสุขภาพ รองรับแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก ที่ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการอาหารที่กินได้สะดวก รวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงอาหารต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป
สำหรับแนวทางการพัฒนาอาหารเสริมสุขภาพ บริษัทได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) รวมถึงสนับสนุนทุนวิจัยให้กับอาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์อาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อพัฒนาสินค้าให้เป็นอาหารที่เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ บริษัทได้เจรจาความร่วมมือกับเมืองนวัตกรรมอาหาร เพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเชิงสุขภาพ และกระบวนการผลิต โดยใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมกับขยายความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัยและนักวิจัยในเครือข่ายของเมืองนวัตกรรมอาหารอีกไม่น้อยกว่า 16 แห่ง เพื่อนำงานวิจัยที่มีศักยภาพมาต่อยอดสำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารกลุ่มทางเลือกสุขภาพ (Healthy Choice) ควบคู่กับการพัฒนาอาหารเกษตรอินทรีย์ รองรับแนวโน้มการบริโภคอาหารเกษตรอินทรีย์ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา จีน และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม บริษัทจากการขยายโมเดลธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะสามารถเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทุกกลุ่มได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมทั้งจะสามารถผลักดันยอดขายทั้งกลุ่มอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ในอีก 5-10 ปี และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 15%
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3459 ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน 2562
