เปิดแนวรบฟู้ดดีลิเวอรีบิ๊กเชนร่วมวงชิงลูกค้านักชิม
เปิดแนวรบ “ฟู้ด ดีลิเวอรี” เมื่อบิ๊กเชนจ่อร่วมวงเสิร์ฟเมนูโปรดถึงหน้าบ้าน “เซ็นทรัล” ประเดิมดึงสตรีตฟู้ดร่วมวงผ่านแอพ 1312 ด้าน “ไมเนอร์” มั่นใจหลังจัดระบบดันรายได้เพิ่ม 50% ฟาก “เถ้าแก่น้อย” ชี้ผู้ประกอบการอุ้มต้นทุนหลังแอ่น จัดโปรหวังสร้างฐานลูกค้า
การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริการจัดส่งอาหาร หรือ Food Delivery ส่งผลให้ธุรกิจอาหารดีลิเวอรีมีมูลค่าพุ่งสูงเกือบ 3 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา และมีผู้ประกอบการหน้า ใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งในกลุ่มผู้ให้บริการฟู้ด ดีลิเวอรีหรือบริการจัดส่งอาหาร และผู้ประกอบการร้านอาหารที่ให้บริการดีลิเวอรีด้วย ขณะที่การเข้ามาของ 4G และ 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดมีการเติบโต
นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group) หรือซีอาร์จี บริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า การเติบโตในตลาดดีลิเวอรีมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย รวดเร็ว ทันใจ โดยคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดดิลิเวอรีจะมีแนวโน้มเติบโตที่ดี 15-10% ต่อเนื่องใน 3-5 ปีนับจากนี้ ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทเริ่มวางระบบและรูปแบบบริการเดลิเวอรี่แบบครบวงจรตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยใช้งบลงทุนหลักร้อยล้านบาท ล่าสุดได้เปิดตัวแอพพลิเคชันใหม่ ภายใต้ชื่อ “1312” สั่งครั้งเดียว อร่อยหลายร้าน ซึ่งนอกจากจะให้บริการจัดส่งอาหารในเครือซีอาร์จีแล้ว ยังมีแผนให้บริการร้านอาหารนอกเครือโดยเฉพาะสตรีตฟู้ด (Street Food) ในเดือนเมษายนนี้
“ในเฟสแรกเราจะให้บริการร่วมกับสตรีตฟู้ด ในเขตกรุงเทพฯก่อน ก่อนจะขยายเฟสต่อไปในเขตต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ในปีหน้า ซึ่งรูปแบบการให้บริการจะขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่”
พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนาฟอร์แมตใหม่ที่เรียกว่า “ออนไลน์ เวอร์ชวล สโตร์” ที่จะเน้นการรวมแบรนด์ร้านอาหารสไตล์สตรีตฟู้ดชื่อดัง เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสร้างความแตกต่างในตลาดดีลิเวอรี โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชันได้ และเตรียมเปิดแพลตฟอร์มใหม่ Hub Model เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่อาหารและการบริการ ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการดีลิเวอรีสร้างจุด แข็งตอบรับตลาดที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจดีลิเวอรีของบริษัทภายหลังมีการเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผลักดันให้ยอดขายช่องทางดีลิเวอรีโตมากกว่า 20% โดยในส่วนของ บริษัทมีจุดแข็งในแง่ของการจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ (Key Food Aggregator) เช่น Grab Food, Line Man, Food Panda ฯลฯ รวมทั้งจะขยายพันธมิตรเพิ่ม โดยซีอาร์จีวางเป้าหมายรายได้จากบริการดีลิเวอรีในสิ้นปีนี้ราว 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 8% จากรายได้รวม 1.34 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2561 มีรายได้จากดีลิเวอรีรวม 600 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% จากรายได้รวม
ด้านนายประพัฒน์ เสียงจันทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย)ฯ ในเครือบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้มีผู้ให้บริการฟู้ด ดีลิเวอรีเกิดขึ้นจำนวนมากซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกันกับการใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งความนิยมใช้บริการดีลิเวอรีที่มากขึ้นเกิดจากความสะดวกสบาย และโปรโมชันที่มาก กว่า เช่น ซื้อ 1 แถม 1 หรือการลดค่าบริการจัดส่ง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมการให้บริการดีลิเวอรีจำเป็นจะต้องคำนึงถึงคุณภาพของอาหาร ความอร่อย และบริการที่ดีด้วย
“ดีลิเวอรีมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งคนในกรุงเทพฯต้องเผชิญกับวิกฤติฝุ่น PM 2.5 พบว่ามียอดใช้บริการฟู้ด ดีลิเวอรีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ดีการลงทุนปรับรูปแบบการให้บริการผ่านแอพพลิเคชัน 1112 Delivery การเพิ่มทีมงาน จุดให้บริการ รวมถึงระบบต่างๆ ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในปีนี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายผ่านช่องทางดีลิเวอรีเพิ่มสูงขึ้น 50%”
ขณะที่นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ต้องยอมรับว่าธุรกิจฟู้ด ดีลิเวอรีเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย ขณะเดียวกันพบว่า วันนี้ผู้ให้บริการฟู้ด ดีลิเวอรีมีต้นทุนที่สูง แต่ด้วยข้อจำกัดที่แข่งขันรุนแรง ทำให้ไม่สามารถคิดค่าบริการที่สูงตาม จึงต้องจัดโปรโมชัน ไม่ว่าจะเป็น ค่าบริการจัดส่ง 20 บาท หรือยกเว้นค่าจัดส่งเมื่อมียอดสั่งซื้อตามที่กำหนด ฯลฯ ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ยินยอมรับภาระเหล่านั้น เพราะต้องการจำนวนสมาชิกมากๆ แต่ในอนาคตเมื่อลูกค้าติด ก็สามารถปรับขึ้นราคา แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องมีสายป่านที่ยาวพอ
“ฟู้ด ดีลิเวอรีเป็นส่วนสำคัญที่มาช่วยต่อยอดร้านอาหาร สตรีตฟู้ดหรือร้านอาหารเล็กๆ ที่อยู่ตามตึกแถว หรือไม่มีเชน เพราะร้านเหล่านี้ไม่สามารถให้บริการดีลิเวอรีได้ แตกต่างจากเชนใหญ่ๆ ที่มีสาขามาก ทำให้คุ้มค่าหากต้องการเสริมบริการดีลิเวอรี”
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3453 ระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2562
