เลือกผู้นำเปลี่ยนผ่านประเทศ อย่าหลงใหลตามวาทกรรม
พรรคการเมืองเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ โดยหัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทิ้งไพ่เด็ดด้วยการ ประกาศไม่เอา ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ไม่ตัดหนทางร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยต้องทิ้งเงื่อนไขสืบทอดอำนาจ นำไปสู่การเมือง 3 ขั้ว การตัดสินใจของปชป.บ้างก็มองว่าเป็นการบีบและจำกัดทางเลือกของประชาชน หรือเร้าการตัดสินใจของประชาชนให้หันมาเทคะแนนให้ตนเองเด็ดขาดไปเลย ซึ่งก็แล้วแต่มุมคิดและวิธีการของแต่ละพรรคที่นำมาใช้
ในด้านประชาชนก่อนเข้าคูหา ต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากตัวส.ส.ที่อยู่กับพื้นที่แล้ว 1 กากบาทนั้นยังไปเลือกผู้นำ เลือกนายกรัฐมนตรีด้วยว่าต้องการได้นายกฯ ได้ผู้นำแบบไหน ตามที่ต้องการหรือไม่ หรือเลือกไปแล้วสร้างปัญหารอบใหม่ สร้างปัญหาวนเวียนซํ้าซาก ไม่สามารถหลุดพ้นจากวังวนหลุมดำที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย การเมืองไทยตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ผู้เลือกตั้งจำต้องแลไปข้างหน้า ในการคัดเลือกผู้นำ ในสิ่งที่ประเทศไทยต้องเผชิญ มีความท้าทายหลักอยู่หลายประการโดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอก ทั้งในด้านเศรษฐกิจโลก ซึ่งกูรูหลายคนมองด้วยความระมัดระวังจะเกิดภาวะถดถอยรุนแรงรอบใหม่หรือไม่ ทั้งโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนไปสู่ระบบดิจิทัล ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งวิถีชีวิต วิธีการทำธุรกิจอย่างสิ้นเชิง การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ธุรกิจ เพื่อให้ประเทศไทยมีที่หยัดที่ยืนในเวทีโลก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของประเทศ ต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง เด็ดขาด ตัดสินใจรวดเร็ว มีแนวคิดไอเดียในการต่อสู้แข่งขันกับโลกในทศวรรษ 2020 เป็นผู้นำของคนไทยกว่า 60 ล้านคน ที่สามารถนำประเทศในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตอันเรืองรอง เลือกให้ดี ยังมีเวลาไตร่ตรอง อย่าหลงใหลได้ปลื้มไปกับสิ่งที่เรียกว่าวาทกรรมทางการเมือง ที่เป็นเพียงแค่การสาดคำพูดใส่กันของพวกนักการเมืองที่ขาดไร้ซึ่งความรับผิดชอบเท่านั้น
|บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3452 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค.2562
